วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

7 eleven...เกิดเป็นแม่ต้องไร้ยางอาย

        ร้านสะดวกซื้อ ที่สะดวกมากๆๆๆ  อยากได้อะไร 7 จัดหามาให้แทบจะทั้งหมด กระทั่งของเล่นเด็ก ยังสะดวกซื้อได้ใน 7 แต่บรรดาเหล่าพ่อ ๆ แม่ ๆ คงไม่สะดวกใจเท่าไหร่ ที่ต้องมาคอยซื้อให้กันตลอด ๆ  แม่ดาวเป็นแม่ 1 คน ที่ไม่สะดวกใจเช่นกัน ฮ่าๆๆ  แต่แม่ดาวมีเวทมนต์วิเศษมาเป่าหูลูกเอาไว้ก่อน เรียกว่า คาถากันน้ำตาไหล ฮ่าๆๆ 

       ก่อนที่จะเข้า 7  แม่ดาวจะทำการตกลงกับลูกทุกครั้งว่า เราจะเข้าไปใน 7 เพื่อซื้ออะไรบ้าง เช่น ลูกอยากทานขนมอะไร 1 อย่าง ให้ลูกคิด หากคิดยังไม่ออก เขาจะขอโอกาสในการตัดสินใจว่าขอเข้าไปเลือกชมสินค้าด้านในก่อน อิอิ ซึ่งก็ไม่ว่ากัน แต่จะมีสินค้าบางรายการที่งดเว้น เช่นลูกอม  แต่ไม่ทุกครั้งนะคะที่ห้าม บางทีเราก็เข้าใจแหละว่า เด็ก ๆ เวลาเห็นเพื่อนทานลูกอม ก็อยากจะทานบ้าง อย่างเห็นเพื่อน ๆ ทาน ช็อคโกจุ๊บ เขาเรียกแบบนี้เปล่าไม่รู้นะ  ลูกอมที่เวลาอมจะมีไม้ด้วย จะวางล่อกิเลศเด็กอยู่ข้างหน้าตอนเราจ่ายเงิน แม่ดาวไม่ห้ามซะทีเดียว นาน ๆ ก็ให้เขาทานบ้าง แต่ก็มีข้อตกลงกันว่า ทานแล้วต้องแปรงฟันทันที คุยกันมาเยอะเรื่องสุขภาพช่องปาก น้องดีโด้ทราบเป็นอย่างดี แต่บางทีก็อดไม่ได้  เด็กก็คือเด็ก แม่ดาวเองก็เคยเป็นเด็ก เราก็เอาใจเขามาใส่ใจเรา ยืดหยุ่นบ้างอะไร แต่หากตกลงกันไว้ก่อนว่าวันนี้ไม่ได้ ก็จะไม่ได้นะคะ  คุยกันไว้ก่อนเลยว่าจะเราจะซื้ออะไรบ้าง

        ตอนแรก ๆ แถวบ้านแม่ดาวไม่มี 7  ค่ะ ไม่ได้อยู่ห่างไกลความเจริญเลยนะ แต่แปลกมากที่ไม่มี เพิ่งจะมีเมื่อไม่นานมานี้เอง( 1 ปีถึงหรือเปล่าไม่แน่ใจ)   มีช่องหนึ่งของ 7 คือ ช่องกิเลศ คือช่องที่วางขายของเล่นนั่นเอง  แม่ดาวสอนลูกว่า เวลาที่เดินผ่านช่องนี้ให้หลับตาอย่าหันไปมองมัน  เคยเกิดเหตุการณ์มาแล้วค่ะ เขื่อนน้ำตาแตกใน 7 เพราะช่องนี้ ทั้ง ๆ ที่ก็ตกลงกันก่อนเข้า แต่ปรากฎว่าระหว่างแม่ดาวกำลังจ่ายเงิน  วันนั้นบังเอิญต้องจ่ายกับแคชเชียร์ช่องนี้ ซึ่งตรงกับช่องกิเลศพอดี ระหว่างที่ยุ่ง ๆ กับการจ่ายเงิน น้องดีโด้ก็แอบเดินไปดูของเล่น และก็เจอของเล่นโดนใจ กิเลสเข้าครอบงำจิตใจ สติที่สร้างมาเอาไม่อยู่แล้วที่นี้  ดึงมือแม่ไป 

ดีโด้        แม่ครับแม่  แม่มาดูตรงนี้ก่อน นะแค่ดูนะแม่นะ ดูเฉย ๆ ไปดูด้วยกันก่อน

แม่           แค่ดูนะครับ ไม่ซื้อ (พลาดอย่างแรง อันที่จริงไม่ควรแม้แต่จะเปิดโอกาสเป็นการสร้างความหวังอันน้อยนิดให้คิดว่าอาจจะได้)

ดีโด้        เนี้ยแม่ ทหารแบบนี้มันเท่ห์มากเลยนะแม่ดูซิ แบบนี้ดีโด้ยังไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย ฯลฯ (บรรยายไปต่าง ๆ นา ๆ ชักแม่น้ำทั้ง 5 มารวมกันให้เห็นว่า มันน่าเล่นมากมายขนาดไหน ฉลาดพูดมากมาย)

แม่           (นั่งลงจับมือดีโด้มองตาไว้) แม่เข้าใจนะครับว่าลูกชอบหุ่นทหารแบบนี้มาก เป็นแบบที่ลูกยังไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลยเนอะ  ลูกก็ชอบของเล่นพวกทหารนี้มากด้วย  วันเกิดลูกเมื่อไหร่ หรือมีโอกาสพิเศษอะไร เรามาซื้อกันเนอะ 

         ดีโด้จากที่เหมือนจะมีความหวังตอนนี้ ดีโด้รู้ดีว่าหากแม่พูดแบบนี้ คือวันนี้ยังไงก็ไม่มีทางได้แน่ ด้วยเป็นคนที่มุ่งมั่นและมีความพยายามมาก อยากได้อะไรต้องลองทำให้มันถึงที่สุด ฮ่าๆๆ สักยก ประลองฝีมือกันสักตั้งกับแม่

ดีโด้        ระเบิดเสียงร้องไห้หนัก เรียกได้ว่าจะเอาให้อายกันไปทั่วว่างั้น แต่บังเอิญคุณแม่หน้าด้าน ฮ่าๆๆ ไม่อายค่ะ ไร้ยางอายไปนานแล้วอิอิ แต่ไม่ใช่ไม่สนใจเขานะ  

แม่           ดีโด้ครับ....แม่ไม่ได้บอกว่าไม่ซื้อให้นะ แม่บอกว่าจะซื้อให้ แค่ไม่ใช่ตอนนี้ รอนะครับลูกได้แน่ ๆ  แม่สัญญา 

ดีโด้        ไม่ๆๆๆ ดีโด้จะเอาทหารวันนี้ ตอนนี้เลย ซื้อเดี๋ยวนี้ ดีโด้จะเอาไปจ่ายเงินเลย (ทำท่าจะถือไปที่แคชเชียร์) 

คงไม่ต้องบอกนะคะว่าบรรยากาศในร้าน 7 ตอนนี้เป็นยังไง ทุกสายตาจับจ้องมาที่แม่และลูกคู่นี้ เรื่องราคาไม่ใช่ปัญหา  แต่แม่ดาวไม่อยากเสีย 3 ต่อ  คือ เสียเงิน เสียคำพูด และเสียลูกที่ดีเพราะจะสร้างนิสัยไม่ดีให้ลูก เห็น ๆ เลยว่าขาดทุนกันเห็น ๆ  เรื่องอะไรจะต้องเสียใช่ไหมคะ

แม่           ดีโด้ครับ.....แม่จะออกไปรอลูกข้างนอกร้านนะครับ  ถ้าลูกพร้อมเมื่อไหร่ไปหาแม่นะ แม่จะรออยู่ตรงนั้น  (คำว่าพร้อม คือ ไม่ร้องไห้ ไม่โวยวาย อารมณ์เกือบปกติที่คุยกันรู้เรื่อง ดีโด้เข้าใจคำนี้ดี เพราะเราคุยกันบ่อยๆ)   
    
แม่ดาวเดินจากไปพร้อมกับสายตาหลายคู่ที่เหมือนบอกกับแม่ดาวว่า แม่ใจร้าย ของเล่นแค่ไม่กี่บาทซื้อให้ก็ไม่ได้ ยังทิ้งลูกไว้ได้ลงคอ  ตำหนิผ่านสายตากันเห็น ๆ แต่แม่ดาวก็ยิ้ม ๆ ก้มหัวนิดนึงแล้วออกไปรอหน้าร้าน
ดีโด้ร้องโวยวายหนักขึ้น คือเวลาน้องดีโด้ร้องไห้เขาจะไม่ใช่ร้องอย่างเดียวจะต้องร้องไห้ไปด้วยตะโกนพูดไปด้วยโวยวาย ๆ  แปลก ๆ ดี ส่วนใหญ่เห็นเด็ก ๆ ส่วนมากเขาร้องไห้ เขาก็จะร้องไห้แงๆๆๆๆ อย่างเดียว ดีโด้ไม่เคยจะแงๆๆอย่างเดียว ตั้งแต่พูดไม่ได้ ก็ร้องไห้ไป บ่นๆ ๆๆไป ไม่เป็นภาษา ใครที่รู้จักจะรู้ดีฮ่าๆๆ  

แต่ไม่นานค่ะ ไม่ถึง 2 นาทีด้วยซ้ำ เขาก็ลุกขึ้น วางของเล่นเก็บเข้าชั้นเอง และเดินออกมาหน้าประตูที่แม่ดาวยืนรออยู่ จับมือแม่ดาวแล้วก็ยอมกลับบ้านทั้งน้ำตาเปียกๆ แบบนั้น พอเขาเริ่มจะบ่นโวยวายอีก  เราก็จะหยุดเดินและหันมาบอกลูกว่า ดีโด้ครับ หากลูกยังไม่พร้อมจะคุยกับแม่ ยังไม่ต้องคุยนะครับ ไว้พร้อมก่อนเราค่อยคุยกัน  เขาก็จะหยุด มีแอบบ่นเล็ก ๆ ตามประสา ก็จับมือกันอยู่ดี  ความสัมพันธ์ยังอยู่นะคะไม่ขาดสะบั้น แม่ดาวไม่ได้ใช้อารมณ์เสียเลย อารมณ์โหมดปกติตลอด ๆ พูดแบบที่เข้าใจเขาจริง ๆ  ตั้งแต่วันนั้น เราเรียกช่องนั้นกันว่า ช่องกิเลศ  

 หากถามแม่ดาวว่า แล้วจากเหตุการณ์วันนั้นแล้วมีร้องไห้โวยวายอีกไหม  ผ่านไป 1 ปี ถ้าจำไม่ผิดเพิ่งจะมีอีกครั้งไม่นาน เนื่องจากน้องดีโด้ไม่สบาย ตกลงกันแล้ว แต่เขาป่วย พอร่างกายป่วย อารมณ์ก็จะไม่ปกติไปด้วย การควบคุมอารมณ์จะทำได้ไม่ดีเหมือนเก่า  ก็ร้องไห้หนัก แต่ไม่ลงไปดิ้นนะคะ ยืนร้องไห้ ผลก็เหมือนเดิม แต่วิธีการต่างจากเดิมคือแม่ดาวใช้เวทมนต์กระจกวิเศษ ใครเคยอ่านแล้วคงร้องอ๋อ  เอาไว้จะคัดลอกมาไว้ในนี้ให้ได้อ่านกันเนอะสำหรับคนที่ไม่เคยอ่าน   

และเมื่อวันเกิดลูกที่ผ่านมาเขาก็ได้ของขวัญเป็นของเล่นใน 7 นี่แหละค่ะ  เขางง ๆ ในตอนแรก ที่อยู่ ๆ ระหว่างที่เขาดูของเล่นอยู่ แม่บอกเขาว่า ดีโด้ครับเลือกเลยนะครับ ว่าอยากได้ของเล่นชิ้นไหน เลือกที่ลูกชอบที่สุดเลยนะแม่จะซื้อให้ คือปัจจุบันเขาสามารถดูได้อย่างที่ไม่ต้องเรียกร้อง ขอแค่มองๆว่างั้น แม่ดาวไม่ห้ามนะ เป็นการทดสอบสติทีดีมาก ๆ 
เขาทำหน้างงจัด ขำ ๆ หน้าเห็นหน้าลูกตอนนั้น เขาลืมไปแล้วว่าวันนั้นเป็นวันเกิดเขา เด็กเขาไม่ได้จำหรอกว่า วันคือวันเกิด นอกจากเราจะบอกเขา ตอนเช้าของวันเกิดก็พาไปใส่บาตรแล้ว กอดแม่ บอกรักแม่ กราบแม่แล้วด้วย แต่ตอนเย็นก็คงจะลืม เรียกว่างงเป็นไก่ตาแตก พอเราบอกว่า อ้าว....ยืนงงอะไรลูก ก็ที่แม่สัญญาไว้ไง ว่าจะซื้อให้พอถึงวันเกิด ถึงตอนนี้เขาจะเปลี่ยนใจไม่เอาทหารแล้ว แต่เอามังกรมาแทน ก็ถือว่า แม่รักษาคำสัญญาแล้วนะ 

การเข้า 7 ไม่ใช่เรื่องลำบากใจเลยสำหรับแม่ดาว เข้าแบบสบาย ๆ ลูกอาจจะลำบากใจบ้าง เกิดทุกข์ง่าย เพราะกำลังสติยังน้อย ต้องฝึก แม่ดาวสอนลูกฝึกสติด้วยนะคะ  เพิ่งสอนตอน 5 ขวบนี่แหละ เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก ฝึกง่าย ๆ เอาไว้จะมาพิมพ์ให้อ่านวิธีการฝึกสติลูกกันอีกทีเนอะ  

***อ่านแล้วอาจคิดว่าโอ้โห...แม่ดาวใจเย็นจังเลย หึๆๆ  บางครั้งแม่ดาวก็มีอารมณ์ขึ้นสูงนะ แต่จะบอกลูกว่า "แม่กำลัง.......(โกรธ หงุดหงิด ฯลฯ) ยังไม่พร้อมจะคุยตอนนี้นะครับ ขอสงบสติอารมณ์ก่อน" แล้วก็เดินไปตรงไหนสักมุมในบ้านที่คิดว่าดีที่สุด ส่วนมากจะเป็นระเบียงบ้านฮ่าๆๆ มุมโปรด ขีดความร้อนลดแล้วก็กลับมาคุยกันใหม่  แล้วหากถามว่ามีไหมที่เอาไม่อยู่  ก็มีค่ะ แต่ไม่ถึงขนาดตวาดฟาดงวงฟาดงา แค่เสียงแข็ง ตาแข็ง เหมือน ๆ ผีเข้า หรือไม่ก็จะบ่นๆๆๆๆ ออกแนวบ่นๆๆ ลูกก็จะเบื่อๆๆๆๆ ฮ่าๆๆ


               

           

วันนี้เรามาชมลูกกันเถอะ

              ติดกันไว้นานกับเรื่องการชื่นชมลูก  ก่อนที่เราจะชมลูกของเราให้พิจารณาดูก่อนว่าลูกของเราเป็นเด็กแบบไหน มีลักษณะนิสัยอย่างไร อายุเท่าไหร่ด้วยนะคะ อันนี้สำคัญ เพราะถึงจะเป็นคำแบบแบบเดียวกัน แต่ผลก็ออกมาต่างกันสิ้นเชิง กับเด็กที่มีบุคคลิก นิสัย และอายุที่แตกต่างกัน

                หลักการกว้าง ๆ  เนอะ

1.     ชมในสิ่งที่ที่ลูกของเราทำจริง ๆ เราเห็นว่าเขาทำจริง ชมออกมาจากใจของเราจริง ๆ  คืออันนี้บอกเลยนะคะว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัว คือ แม่ดาวเจอมากับตัวว่า หากเราชมแบบชมไปงั้น ๆ ไม่ได้รู้สึกว่าเขาทำดีจริง ๆ เขาก็รับรู้ได้ว่าเราไม่จริงใจ  แต่กับเด็กบางคนอาจไม่เป็นก็ได้นะคะ แต่น้องดีโด้เป็น

2.     ให้เราชมระบุพฤติกรรมที่เราเห็นว่าเขาทำได้ดี เช่น  แม่ดาวเห็นน้องดีโด้เก็บถุงขนมที่ใครก็ไม่รู้ทิ้งไว้ที่โรงเรียนไปทิ้งลงถังขยะเอง  แม่ดาวก็จะชมว่า โอ้โห....ดีโด้ครับหนูเนี้ยเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมจริง ๆ เลยนะเนี้ย เห็นขยะที่พื้นก็เก็บเอง โดยไม่ต้องมีใครมาบอกเลย แม่ปลื้มใจจริง ๆ  อาจจะฟังดูขัด ๆ สำหรับหลายคน แต่สำหรับน้องดีโด้แบบเนี้ยเขาจะชอบและจะกระตุ้นให้เขาทำต่อไปอีกเรื่อย ๆ 

3.     ระวังคำว่าพวกคำว่า ที่สุด เยี่ยมไปเลย สุดยอด คำประเภทที่ว่า เลิศมาก  ดีมาก  คำพวกนี้บางทีก็กลายเป็นดาบสองคม กับเด็กบางคนฟังแล้วเขาจะกดดัน และกลายเป็นยาพิษสำหรับเขาไป  แต่สำหรับดีโด้ก็ไม่ค่อยเป็นอะไรมาก แต่อาจจะก่อให้เกิดอาการหลงตัวเองได้ง่าย ๆ เพราะดีโด้จะเป็นเด็กที่รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า เป็นที่รักและได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน  แต่สำหรับเด็กประเภทที่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่าพอ ไม่เห็นค่าในตัวเอง คำชมพวกนี้น่ากลัวมาก จะกลายเป็นไปกดดันเขา ทำให้เขารู้สึกแย่ต่อตัวเองมากกว่าเก่า  เช่น ชมว่า วันนี้ลูกของแม่เป็นเด็กดีมาก ๆ เลยนะครับ ช่วยแม่กรอกน้ำโดยที่แม่ไม่ต้องบอกเลย หากเป็นดีโด้คำพูดแบบนี้ ผ่าน  แต่สำหรับกับเด็กที่ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง มีความรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยมีคุณค่าจะคิดว่า ฉันไม่คู่ควรที่จะได้รับคำชมแบบนี้ เพราะฉันดีไม่พอ กลายเป็นเครียดไปแทนที่จะดี ต้องระวังนะคะ   หากเราเผลอพูดไปแล้ว ๆ รู้สึกว่าเด็กคิดมากไม่สบายใจ ให้คุณบอกกับลูกต่อไปว่า ที่แม่พูดแม่รู้สึกและคิดแบบนั้นจริง ๆ แล้วก็บรรยายไป เพื่อยืนยันให้เขาสบายใจว่าเราไม่ได้แกล้งชม เรารู้สึกอย่างนั้น เขาคู่ควรเหมาะสมกับคำชมที่เราให้จริง ๆ  เขาจะได้สบายใจขึ้น แล้วครั้งต่อไป ก็ระวัง ๆ มาก ๆ นะคะ

4.     เวลาชมให้เราพยายามชมระบุพฤติกรรมเป็นคำสั้น ๆ ไว้ด้วย เพื่อให้เขารู้ว่าแบบนี้ที่เขาทำเรียกว่าอะไร เช่น  ขยัน ,อดทน, ช่างสังเกตุ, ประหยัด, พยายาม มีความรับผิดชอบ ฯลฯ 

5.     ระวังคำชมประเภทที่ว่าฟังแล้วรู้สึกว่าแอบตำหนิผ่านคำชม เช่น โอ้โห....ลูกแม่ขยันถูบ้านให้แม่ สงสัยวันนี้ฝนฟ้าท่าจะตกหนัก   คือเราอาจจะพูดด้วยอารมณ์ขัน ชื่นชมลูกจริง ๆ แต่ลูกฟังแล้วเขาจะรู้สึกว่า ที่ผ่านมาเนี้ยฉันขี้เกียจมากขนาดนั้นเลยเหรอเนี้ยในสายแม่

6.     ไม่อยากให้ชมให้มากจากความเป็นจริงมากไป แทนที่จะดี อาจจะก่อปัญหาได้ เช่น เห็นลูกเตะบอลได้ดี เลี้ยงลูกบอลได้เก่งกว่าเด็กวัยเดียวกัน เราชมไปว่า นี่ถ้าลูกได้ไปดวลแข่งกับ Lionel Messi นักฟุตบอลที่เขาว่าเก่งที่สุดระดับโลก ลูกของแม่ต้องชนะแน่ ๆ เลย  ลูกอาจจะรู้สึกกดดัน คิดว่ามันยากเกินกว่าที่จะทำได้ และอาจคิดว่าแม่คาดหวังในตัวเขาอยากจะให้เขาเก่งขนาดเป็นนักฟุตบอลระดับโลก มันจะท้อกันง่าย ๆ และอาจเลิกชอบการเล่นฟุตบอลไปเลย

7.     ชมเปรียบเทียบอดีตและปัจจุบันของสิ่งที่ลูกทำ ไม่ชมโดยลูกเราไม่เปรียบเทียบกับใคร เช่น แม่เห็นว่าเดี๋ยวนี้ลูกเขียนหนังสือได้สวยขึ้นกว่าเมื่อตอนอ.1 มากเลยนะครับเนี้ย

การชมเหมือนดาบสองคมดังนั้นเวลาจะใช้คำชมเราควรจะไตร่ตรองให้ดี ๆ ก่อนนะคะ   หลายท่านอ่านแล้วอาจจะแอบบ่นในใจว่า โหย.....นี่แค่จะชมลูกยังต้องคิดมากขนาดนี้เลย ไม่ชมซะเลยดีกว่าไหม  แม่ดาวขอบอกนะคะ  ชมเถอะค่ะ อาจจะยากสักหน่อยช่วงปฏิบัติแรก ๆ ทำไปเรื่อยๆ มันก็จะคุ้นชินไปเอง จะกลายเป็นระบบอัตโนมัติเอง  ชมแล้วดีนะ กระตุ้นพฤติกรรมดี ๆ ให้เกิดขึ้นต่อ ๆ ไป บางอย่างที่ไม่ดีหากเราพูดเป็น ชมเป็นพฤติกรรมไม่ดีนั้นก็จะหายไปได้ด้วย  ลำบากแค่ตอนแรก ๆ แหละ ทน ๆ หน่อยนะคะเพื่อลูก 

หากใครอ่านแล้วมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับคำชมมากกว่านี้แนะนำเพิ่มเติมได้นะคะแม่ดาวเองก็จะได้รู้และนำใช้บ้าง แบ่งปันประสบการณ์ร่วมกันนะคะ