วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กุศโลบาย (2) เตือนใจให้ฉุกคิด

            กุศโลบายของพระพุทธเจ้า ที่แนะนำไปครั้งแรก คือ “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” มาต่อกันหัวข้อนี้นะคะ “เตือนใจให้ฉุกคิด”   ข้อนี้หากตีความไม่พลาดนะคะ แม่ดาวก็ใช้เรื่อย ๆ แหละ เช่น

            หากลูกชาย (วัย 5 ขวบ) ถอดรองเท้าทิ้งไว้ไม่เก็บเข้าที่ตามที่เราเคยตกลงกันไว้ก่อนแล้ว  แม่ดาวจะ

แม่        ดีโด้ครับ รองเท้าครับ   (สั้น ๆ แต่หนักแน่น  ไม่ได้ทำตาขวางนะคะ  อาการปกติ พูดดี ๆ แต่หนักแน่น)

หรือ     รองเท้าเนี้ยปกติ ถอดออกแล้ว เราควรวางไว้ตรงไหนน้า (พิมพ์ตามการออกเสียงนะคะ)

หรือ     อ้าว......รองเท้าคู่นี้  ไม่ใช่รองเท้าลูกบ้านเราแน่ ๆ ปกติลูกเรา ถอดแล้วจะวางเข้าที่มีระเบียบ  เนี้ยสงสัยมีเด็กที่ไหนมาถอดลืมไว้แน่ ๆ  (ออกแนวกวนนิด ๆ เนอะ)   

             ยกตัวอย่างไม่เยอะเนอะ เอาพอเห็นภาพ

            พูดแค่นี้ ไม่ต้องพูดเยอะ ไม่เหนื่อยพูด (บ่น) ยิ่งพูดเยอะ บ่นเยอะ ก็ยิ่งยาวค่ะ แทนที่ปัญหาจะจบ กลายเป็นเปิดศึกแค่เรื่องรองเท้าแค่นี้  น้องดีโด้พอแม่ดาวพูดแบบนี้ แค่นี้ เขาก็จะหันไปมองรองเท้าตัวเองทันที  ต้องเข้าใจนะคะว่า เด็ก ๆ เขาจะยังไม่มีกำลังสติมากพอ มีสิ่งเร้ารอบตัวมากมาย เช่นกลับมาถึงบ้าน คิดถึงแม่ อยากจะเดินเข้ามาทักทายแม่  หรือบางทีก็มุ่งตรงไปมุมของเล่น  จนลืมเก็บรองเท้า   เราก็แค่พูดเตือนใจให้เขาฉุกคิดว่า สารที่เขาได้รับคือ “ตัวเขายังไม่ได้เก็บรองเท้าเข้าที่”  สั้น ๆ ตรงเป้าเป๊ะ  

            อย่างเรื่องการกลับมาบ้านแล้วต้องล้างมือ ล้างเท้าให้สะอาดก่อน แล้วค่อยไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ต่อเนี้ย ดีโด้ก็สามารถทำได้เป็นอย่างดี  บางทีลืม ก็พูดเตือนสติสั้น ๆ  “ล้างมือล้างเท้าครับ”  แต่ไม่ทุกครั้งนะคะ บางทีแม่ดาวก็พูดแบบอื่น ไม่ได้ยึดว่าจะต้องใช้แบบนี้ตลอด แล้วแต่ ใช้สลับ ๆ กันไป หลาย ๆ วิธี ต้องเรียกว่าเปลี่ยนตามอารมณ์แม่มั้งฮ่าๆๆ แต่ไม่มีอารมณ์บูด อารมณ์เสียนะคะ  หากมีอารมณ์แบบนั้นเจือปน พังทุกที วงแตก

            อย่างการเล่นของเล่น หากลูกเล่นแล้วไม่เก็บ แม่ดาวก็จะ “ของเล่น วางทิ้ง ให้ใครเก็บครับ แม่หรือดีโด้”  แค่นี้ก็หนาวไปถึงสันหลัง เพราะตกลงกันไว้ว่า หากเล่นแล้วไม่เก็บ ให้แม่เก็บ ผลคือ เขาจะอดเล่นของเล่นเหล่านั้นไปตามระยะเวลาที่เราให้เขาเลือก เช่น 3 หรือ 5 วัน หรือนานกว่านั้น ทางเลือกพวกนี้แม่ดาวจะพิจาณาว่า หากเห็นวางทิ้งบ่อย ๆ ก็จะเก็บนานขึ้น เพิ่มระยะเวลา  เข็ดค่ะ  เพราะแม่ดาวพูดจริงทำจริง ร้องก็ร้องค่ะ ต้องยอมรับ และสอนให้เขาเรียนรู้จากสิ่งที่เขาทำเอง  ทำแบบนี้ แล้วผลจะเป็นยังไง  เป็นการสอนให้เขายอมรับกับผลกรรม (ผลของการกระทำ)  เวลาสอนให้ลูกเรียนรู้อะไร ให้สอนตอนที่เราและลูกพร้อมนะคะ (กายและใจพร้อม) อย่าลืมข้อนี้  อย่าลืมถามให้คิดต่อด้วยว่า ครั้งหน้าจะต้องทำยังไงถึงจะไม่ต้องมาเสียใจแบบนี้ เลือกคำพูดดี ๆ ก่อนนะคะ เอาแบบพูดแบบเข้าใจ ไม่ประชด ประชัน พูดด้วยความรู้สึกเข้าใจ ห่วงใย ให้เขารับรู้ว่า เราหวังดีกับเขาจริง ๆ

         การใช้นิทาน เลือก เนื้อเรื่องที่คล้ายหรือตรงกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของลูก หรือเป็นพฤติกรรมที่เราต้องการเสริมสร้าง อ่านจบแล้ว ก็ชวนพูดคุย  โยนคำถามให้ลูกตอบ คิดด้วยความคิดของเขาเอง หลาย ๆ ครั้งแม่ดาวก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน ได้ผลมากๆๆๆๆ สำหรับน้องดีโด้นะคะ เขาเป็นประเภทไม่ชอบไม่สอนแบบ ชี้ระบุมาที่ตัวเขา ต้องสอนอ้อม ๆ ผ่านนิทาน

            หากเราสร้างวินัยเชิงบวกกันมาพอสมควร เรื่องพวกนี้บางทีไม่ต้องพูดเลย   กลับมาจากโรงเรียน เขาก็รู้หน้าที่ (หากมีสติ)  จะเก็บรองเท้าวางเข้าที่ของเขาเอง โดยที่เราไม่ต้องบอกเขาเลย  แต่สิ่งที่เราต้องพูดต่อคือ การชมถึงพฤติกรรมที่ดี ที่เขาทำ เช่น “รองเท้าถอดแล้วเก็บเข้าที่เอง หนูเนี้ยมีวินัยมากเลยนะครับ” อารมณ์ประมาณนี้ เขาก็ยิ้มภูมิใจหน้าบาน  การชมเป็นการกระตุ้น และส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมนั้น ๆ ต่อไปในอนาคต 

            เราต้องเข้าใจลูกมาก ๆ มองลูกให้เป็นเด็ก อย่าเห็นเป็น “ผู้ใหญ่ตัวเล็ก”  เขากำลังอยู่ในวัยที่เพิ่งจะเริ่มสร้างวินัยไม่นานมานี่ อย่าเพิ่งไปคาดหวังอะไรมากนัก คาดหวังมากก็เครียดมาก  ตัวแม่ดาวเองจริง ๆ ไม่ใช่คนมีวินัยอะไรมากนัก อันที่จริงต้องบอกว่าแทบไม่มีวินัยซะมากกว่ากับเรื่องการดำเนินชีวิตประจำวันนะค  แต่จะมีวินัยสูงในการทำงานแปลกใจตัวเองเหมือนกัน แต่ทุกวันนี้เปลี่ยนไปเยอะ แต่ค่อย ๆ เปลี่ยนอย่างที่บอก แม่ดาวเลยเข้าใจลูกได้ไม่ยากมั้ง ส่วนสามีอันนี้ต้องยกนิ้วให้เรื่องการมีระเบียบวินัย  หากให้คะแนนได้ต้องได้รับ 15 คะแนน เต็ม 10 คะแนน เกินมาตรฐานสากลอิอิ  สามีจะเป็นต้นแบบที่ดีในเรื่องการมีระเบียบวินัย  โชคดีนะเนี้ยที่มีแม่ดาวเป็นตัวถ่วง เฉลี่ยค่าออกมาลูกก็น่าจะอยู่ที่กลาง ๆ 5/10 

            ค่อย ๆค่ะ ค่อยๆทำ ค่อยๆสร้าง ค่อย ๆ ซ่อมกันไป  หากเรามุ่งจะสร้างวินัยให้ได้แบบรวดเร็ว รีบร้อน คาดหวังสูง เครียดมากนะคะ เคยเป็นมาหมด  ขอให้เข้าใจว่า “วินัย” ไม่ได้สร้างเสร็จได้ภายในเวลาไม่นาน มันต้องอาศัย เหตุและปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย แต่หากวันใด ที่เราเริ่มจะสร้างได้บ้างแล้ว เวลาที่เราเห็นผลของมัน เราก็จะชื่นใจมากมายหายเหนื่อยเลยนะคะ
จริง ๆ  แต่ขอให้เราอดทน มุ่งมุ่น ฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างไปให้ได้  ล้มได้ ท้อได้ แต่อย่าถอยนะคะ สู้ ๆ ค่า