วิธีการที่แม่ดาวปฏิบัติ และได้ผลคือ แม่ดาวจะพูดคุยกับลูกในช่วงที่ลูกมีภาวะผ่อนคลาย สบาย ๆ เวลานี้สำหรับน้องดีโด้นั้น คือเวลาก่อนเข้านอน เพราะจะมีการทำกิจกรรมร่วมกันแทบทุกวันคือ สวดมนต์ ขอขมากรรม แผ่เมตตา เล่านิทานก่อนนอน เล่าเรื่องความสุขในแต่ละวันของทั้งแม่ดาวและลูก (เดี๋ยวจะขยายต่อเรื่องนี้) พูดคุยกันถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในแต่ละวัน หากจะสอนลูกแม่ดาวก็จะใช้ช่วงนี้สอนเช่นกัน กิจกรรมก็ประมาณนี้ ลดบ้าง เพิ่มบ้าง แล้วแต่วัน บรรยากาศการคุยเหมือนเพื่อนคุยกัน คุยสบาย ๆ ก่อนเข้านอน
และการทำหน้าที่จิตแพทย์ ของแม่ดาว ก็เริ่มขึ้นหลังจากเกิดเหตุการณ์ “ความลับ...ที่คับใจ” การที่เห็นลูกตัวเองผิดแปลกไปจากเดิมมากขนาดนั้น เลยคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ลูกได้สบายใจขึ้นบ้าง หลังจากที่ตัวเองก็ร่วมสร้างรอยแผลในใจ ซึ่งน่าจะแผลใหญ่เลยทีเดียว ทำเอาซึม เหม่อลอย จ้องจับผิดแม่ตลอดว่าจะพูดกับใคร ณ ช่วงนั้นคุณยายสุดที่รักของหลานชายมาบ้านพร้อมน้าสุดเลิฟ ปกติเขาจะดีใจจนผิดปกติ คือ จะร่าเริงสดใสมาก กระตือร้อล้นผิดปกติ คึกผิดปกติ แต่วันนั้น เขามีอาการ “เฉยเมย” มาก เหมือนไม่สนใจที่ยายกับน้ามาที่บ้าน
สรุปคือ เขากลัวว่าเขาจะถูกมองว่าเป็น “เด็กไม่ดี” เพราะโกหก กลัวทุก ๆ คนที่เคยให้ความรักกับเขาอย่างมากมายเต็มร้อยจะรักเขาน้อยลง หรืออาจจะหมดรักไปเลย เขาระแวงมาก เลยดูไม่มีความสุขหนักกว่าเดิม เห็นอาการลูกแบบนี้แม่ดาวเลยต้องเรียกคุย เป็นการเฉพาะกิจ คิดแผนในเวลาไม่นาน ก็คิดออก ครั้งก่อนหลังจากที่แม่ดาวคุยกับลูกแล้วลูกไม่พูด ไม่ยอมบอก แม่ดาวถึงกับรับความรู้สึกนั้นไม่ได้ ความรุ้สึกที่ว่าคือ “เสียใจ ผิดหวัง และโกรธ ทำไมลูกถึงไม่เชื่อใจเรา ทั้ง ๆ ที่เราก็ใกล้ชิดและผูกพันธ์กันมากขนาดนี้” ทำไมถึงเชื่อคำพูดคนอื่นมากกว่าเรา โกรธตัวเองนะคะ ไม่ได้โกรธลูก
เสียศูนย์ถึงขนาดต้องขอเวลานอก ด้วยน้ำตาคลอเบ้า พูดกับลูกว่า “แม่รู้สึกเสียใจมากครับที่ลูกไม่พูดความจริงกับแม่ ลูกเชื่อคำพูดคนอื่นมากกว่าคำพูดของแม่” การสื่อสารผิดพลาดอย่างรุนแรงพูดไปแบบขาดสติ อันที่จริงหากมีสติพร้อมอารมณ์พร้อมควรพูดว่า “แม่เสียใจ ที่แม่ไม่สามาถสร้างความเชื่อใจได้มากพอที่ทำให้ลูกพูดความจริงกับแม่” ผิดไงค่ะ ผิดเต็ม ๆ ลูกรับสารและตีความว่า “ตัวเขาเองไม่ดี ทำให้แม่ผิดหวัง เสียใจ” แทนที่จะเข้าใจตรงกับความคิด ก็สื่อสารผิดผลก็เสียแบบที่เป็นแบบนี้ และจบประโยคด้วย “แม่ไม่พร้อมที่จะคุยอะไรต่อกับลูกตอนนี้ แม่ต้องไปสงบสติอารมณ์” ซึ่งปกติเมื่อเขาได้ยินประโยคนี้ นั่นคือ แม่ดาวจะไปมุมระเบียงห้อง หรือที่ไหนสักที่ภายในห้อง คือแม่ดาวอาศัยอยู่ ณ ปัจจุบัน จะเป็นห้องพักของที่ทำงานสามี จะมีห้องนอน 2 ห้อง พื้นที่ใช้สอยยาว ๆ 1 ห้อง ห้องน้ำ 1 และมีระเบียงอีกนิดนึง ดังนั้นทุกครั้งลูกจะเห็นแม่ดาวสงบสติอารมณ์เงียบ ๆ ในสายตาตลอด
แต่หนนี้ผิดคาด แม่ดาวเดินออกนอกห้องไปเลย หนีไปซ่อนตัวอยู่บนดาดฟ้า ที่จริงตั้งใจมาแอบโทรศัพท์หาน้องคนที่เล่าไว้ในบทความก่อน คุยนานเลยน่าจะเป็นชั่วโมง หรือไม่ก็เกือบ ๆ เห็นมีสายซ้อนเป็นเบอร์สามีโทร.ตาม คือ ณ ตอนที่แม่ดาวเดินออกมา เพราะสามีอยู่ แต่หลับ คิดว่าไม่น่ามีอะไรเป็นอันตราย และไม่รับสายก็คุยต่อจนจบถึงลงมา
สามีก็งงๆ และเห็นความผิดปกติของลูกอย่างเห็นชัด ปกติ น้องดีโด้ไม่เคยร้องไห้เงียบ ๆ น้ำตาไหลอาบแก้ม มีแต่แหกปากส่งเสียงร้องและพูดไปตลอดการร้องไห้ คือพูดไปด้วยร้องไปด้วย เขาจะติดแม่ดาวมาก หากแม่ไปไหนเขาต้องตามไปแน่ ๆ ครั้งนี้ร้องแบบไม่ส่งเสียงดัง น้ำตาไหลเยอะ ร้องแบบเด็กเก็บกด สามีเล่าว่า ลูกมาบอกว่าให้ป๊าไปตามหาแม่ให้หน่อย แม่ไปไหนไม่รู้ ให้ลองไปตามหาห้องพี่ข้าง ๆ ห้องซิ ถ้าไม่มีก็ให้ไปหาข้างล่าง แนะนำให้เสร็จ ด้วยความที่ก็ไม่รู้อะไรชัดเจนนัก ก็ดันไปบอกลูกว่า “แม่คงโดนจับตัวไปดาวอังคาร เพราะแม่เป็นแม่ที่ดีมาก ชาวดาวอังคารต้องการแม่แบบนี้ไปเลี้ยงลูก ๆ ของเขา” หากใครเคยดูการ์ตูนย์เรื่อง Mar need Mom คงเข้าใจ ไปกันใหญ่
พอลงมา ภาพที่เห็น คือลูกชายยืนร้องไห้ สะอึกสะอื้น แบบที่ไม่ร้องมานานมาก และร้องไห้ในแบบที่ไม่คุ้นตา สายตาเมื่อเขาเห็นแม่ เขามองแบบแปลกไปจากทุกครั้ง แม่ดาวทำอะไรลงไปอีกแล้วเนี้ย แม่ดาวนั่งลงและดึงลูกเข้ามากอด คำถามแรกคือ
ดีโด้ “แม่หายไปไหนมา” พูดไปร้องไปอย่างน่าสงสารที่สุด กอดแม่แน่น
แม่ “แล้วแม่บอกดีโด้ว่ายังไงครับลูก” ณ ตอนนั้น เห็นลูกอาการนี้ สติกลับมาทันที
ดีโด้ “แม่ไปสงบสติอารมณ์”
แม่ “ใช่ครับ แล้วดีโด้ร้องไห้ทำไม ก็รู้อยู่แล้วว่าแม่ไปไหน”
ดีโด้ “ก็แม่ไม่ได้บอกว่าแม่ไปที่ไหน” เขาพูดด้วยความรู้สึกเสียใจปนความกลัว แม่ดาวสัมผัสได้ทันที
แม่ “แม่ก็ไปในที่ ๆ ที่ดีโด้คิดไม่ถึงไง เป็นความลับ แม่ไม่บอก” ตั้งใจพูด คิดว่าคงต้องได้ใช้มุขนี้ในเวลาต่อมาแน่ ๆ
แม่ “ดีโด้ครับ แม่รักลูกนะ แต่แม่เสียใจแล้วก็ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ก็ต้องไปสงบสติอารมณ์ก่อน ตอนนี้พร้อมจะคุยกับลูกแล้ว”
ดีโด้ยังกอดแม่และร้องไห้สะอึกสะอื้นอีกนาน และนั่นคือสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ลูกชายสุดที่รักมีอาการผิดปกติ ตอนแรกแม่ดาวไปเพ่งโทษคนอื่น ๆ มองข้ามตัวเองไปสนิท พอได้เจริญสติ ถึงระลึกได้ ว่าเรานี่แหละ “ต้นเหตุ” เลย ตัวแม่จริง ๆ เรา
อ่านแล้วเข้าใจกันไหมนะ เรื่องนี้มันลึกซึ้งละเอียดอ่อนมากจริง ๆ จากที่แม่ดาวทำอาการแบบนั้น ทำพฤติกรรมให้ลูกเห็นและลูกเข้าใจว่าแม่ดาวไม่สามารถทนรับรู้เรื่องราวได้ นั่นยิ่งทำให้เขายิ่งเชื่อว่า เขาไม่สามารถพูดความจริงนั้นออกมาได้ นี่ขนาดไม่รู้ยังขนาดนี้ ถ้าแม่รู้จะเสียใจหนักขนาดไหน ยิ่งเป็นการไปตอกย้ำความรู้สึกที่ว่า “บอกไม่ได้ บอกแล้วแม่เสียใจ” ยังไงซะฉันต้องไม่บอก
อันที่จริง หากมีสติ เราควรเพียงแค่พูดคุยและรับฟังเรื่องราวเฉยๆ หากเขาไม่บอก ก็ไม่ต้องไปเซ้าซี้ถาม ทำอารมณ์ให้ปกติ พูดแค่ว่า “หากวันนี้ลูกยังไม่พร้อมจะบอกแม่ก็ไม่เป็นไร แม่คิดว่าเรื่องที่ลูกจะพูด แม่ฟังแล้วก็อาจไม่สบายใจจริง ๆ แต่เป็นสิ่งที่แม่ยอมรับได้แน่ ๆ ไม่ได้ทำให้แม่ต้องทุกข์ใจมากมายหรอกครับลูก” และจบด้วย “หากวันไหนที่ลูกพร้อมจะพูด แม่พร้อมจะฟังเสมอนะครับ” แค่นี้พอ
แต่ทำไงได้ผิดไปแล้วย้อนเวลากลับไปก็ไม่ได้ ผิดแล้วก็ต้องหาทางแก้ไข ณ วันที่ยายมาแล้วเขาดูอาการจะแย่ ๆ กว่าเดิม แม่ดาวก็เลย
แม่ ดีโด้ครับ...........แม่จะพาไปที่ลับของแม่ รู้กันเฉพาะเรา 2 คนนะ ตกลงไหม (กระซิบ ๆ แบบว่าลับสุดยอด)
ดีโด้ (เริ่มยิ้มออกและกระซิบตอบ) ไปครับ ที่ไหนแม่
แม่ ไปกับแม่ แม่จะพาไป แต่ต้องค่อย ๆ ย่องไปนะ เดี๋ยวยายกับน้ารู้ (ทำเหมือนลับมาก)
เห็นได้ชัดว่า เขาอารมณ์เปลี่ยนทันที เพียงแค่การกระทำกับคำพูดของเรา ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ พาลูกปีนขึ้นไปบนดาดฟ้า และนั่งคุยกันในมุมเดียวกันกับที่แม่ดาวไปซ่อนตัวฮ่าๆๆ
แม่ ความลับนะครับเนี้ย ห้ามบอกใคร
ดีโด้ ขอบอกป๊าได้ไหม
แม่ อ้าว...บอกไปแล้วจะเป็นความลับไหมเนี้ย (ดีโด้ขำกลิ้งเลย)
ดีโด้ แต่เราเป็นคนครอบครัวเดียวกันนะ บอกได้ไหม ดีโด้อยากบอก
แม่ (ทำเป็นคิดหนัก ทั้ง ๆ ไม่ได้คิดอะไรเลย) ก็ได้...เห็นว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ ไม่มีความลับต่อกันกับคนในครอบครัว ก็ได้ ๆ ครับ
แล้วแม่ดาวเอาลูกมากอดและหอม คุยกับลูกทั้ง ๆ ที่กอดอยู่ พูดแบบอบอุ่น ๆ หน่อยนะคะ
แม่ ดีโด้ครับ ดีโด้ไม่สบายใจที่เห็นแม่คุยกับยายใช่ไหม
ดีโด้ ใช่ ดีโด้ไม่อยากให้แม่คุยกับยาย (เปลี่ยนสีหน้า และเหมือนจะไม่ให้กอด แต่แแม่ดาวก็กอดไว้แหละ)
แม่ ดีโด้คิดว่าแม่พูดเรื่องวันนั้นใช่ไหม เรื่องที่เรามีปัญหากัน
ดีโด้ ใช่ (ตอบเสียงแข็งมากออกจะโกรธ ๆ ไม่พอใจ)
แม่ แม่ยอมรับว่าแม่คุยเรื่องนี้จริง แต่แม่เล่าให้ยายฟังว่า แม่โกรธคนที่สอนให้ลูกมาโกหกแม่ จนทำให้ลูกของแม่ต้องเสียใจร้องไห้ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้แม่เสียใจด้วย ดีโด้กลัวยายจะไม่รักลูกใช่ไหมครับ
ดีโด้ ใช่ (เสียงอ่อนลง เพราะรุ้สึกว่าเราเข้าใจเขาจริง ๆ)
แม่ ยาย แม่ ป๊า และทุก ๆ คน รักลูกมากนะครับ ไม่มีใครโกรธลูกเลย ยิ่งจะรักลูกเพิ่มขึ้นด้วย เพราะลูกอดทนที่จะเก็บความทุกข์เอาไว้เพื่อให้แม่สบายใจ โดยเฉพาะแม่นะรักลูกมากๆๆๆๆๆ จริง ๆ ขอบคุณลูกมากนะครับ ที่ปกป้องความรู้สึกของแม่ ลูกเก่งมากจริง ๆ เจ้าฮีโร่ตัวน้อย ๆของแม่ (พูดเสร็จก็จุ๊บ ๆ กอด หอม)
ดีโด้หลังจากที่คุย ณ ตอนนั้นแล้วก็อาการดีขึ้นเยอะมาก แต่ก็ยังไม่ปกติเหมือนเก่า เหตุการณ์ที่คุยนี่น่าจะเป็นวันที่ 3 แล้วถ้าจำไม่ผิดนะคะ ยังไงก็ต้องเยียวยากันต่อ และต่อเนื่องด้วย
หากสนใจอ่านต่อ ต้องรออีกนิดนะคะ ช่วงนี้งานเข้าตลอด ๆ ไม่ค่อยจะว่างมานั่งพิมพ์บทความเลย