วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

เสียเงิน 20 บาท แล้วได้อะไรบ้าง


        ปัจจุบันแม่ดาวตั้งงบค่าขนมให้ลูกวันละ 20 บาทค่ะ สำหรับเด็กวัย 5 ขวบ แม่ดาวคิดว่าเยอะมากนะคะ แต่คิดว่าคุ้มกับที่ต้องเสียไป เงิน 20 บาทในแต่ละวัน เสียไปแล้วได้อะไรกลับมาบ้าง หากคิดแบบนักการตลาดแบบแม่  ๆ แล้วคุ้มมากมายค่ะ  แม่ดาวคิดว่า 5 ขวบแล้วเขาควรที่จะเรียนรู้ในเรื่องการควบคุมรายได้ และค่าใช้จ่ายด้วยตัวของเขาเอง  เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรวิชาการบริหารจัดการชีวิตตัวเองเบื้องต้น “อยู่อย่างไร ให้พอเพียง และเพียงพอ” อ่ะนะ หลักสูตรเด็กปฐมวัย หลักสูตรแบบเแม่ๆ ที่คิดเอง สอนเอง และทำตามกันได้ไม่ยากค่ะ

        มาดูกันค่ะ ว่า  20  บาทที่แม่ดาวจ่ายไป ลูกจะได้รับอะไรบ้าง

        1.  ลูกได้เรียนรู้ ฝึกฝนเรื่องการใช้เงินด้วยตัวเอง เงิน 20 บาทที่ให้ เขาจะเอาไปใช้อะไรก็ได้ ไม่ได้ห้าม แต่มีแอบปราม หากเห็นว่าบางสิ่ง บางอย่างไม่เหมาะสม เช่น หากเขาจะซื้อลูกอม เราก็นิดนึง “โอ๊ะ.....เจ้าแมงกินฟันได้เพื่อนใหม่แล้ว” คือมันจะมีนิทานที่เราเคยอ่านให้ลูกฟัง ว่าเจ้าแมงกินฟันกำลังตามล่าหาเพื่อนใหม่ เด็ก ๆ คนไหน ที่ชอบทานลูกอม ขนม ของหวานต่าง ๆ ต้องระวังให้ดี อิอิ นิทานช่วยเราได้เสมอ  

        มี 2 ครั้งแล้วค่ะ ที่เขาใช้เงินเกินตัว มี 2 วิธี สำหรับข้อนี้ คือ การนั่งสมาธินาทีละ 1 บาท เพื่อแลกเงินมาคืนแม่  กับอีกวิธีคือเขาต้องสูญเสียเงินสะสมในกระปุกหมีของเขามาให้เรา   แล้วแต่ค่ะ ว่าเขาจะเลือกแบบไหน  ให้เขาตัดสินใจเลือกเองให้ทางเลือกเชิงบวก “ลูกจะคืนแม่โดยนั่งสมาธิใช้หนี้ หรือคืนโดยเอาเงินจากกระปุกหมีมาคืนแม่ค่ะ”  ส่วนใหญ่เขาเลือกคืนเงินด้วยวิธีควักจากกระปุกหมีมาคืนนะคะ คือการนั่งสมาธิเนี้ย มันยากสำหรับเขาแหละ คงคิดว่านั่งตั้งนานกว่าจะคืนได้ครบ  

        อ๋อ...มีอีกวิธีค่ะ คือ คืนเงินโดยการงดค่าขนมจนกว่าจะครบจำนวนเงินที่เกินไป  อันนี้ก็แล้วแต่จะตกลงกันไปแต่ละกรณี  แต่เขาต้องเรียนรู้ว่า หากใช้เงินเกินตัว เขาจะได้รับผลกระทบอย่างไร  ซึ่ง ณ ปัจจุบันก็ยังรับวิบากกรรมนั่นอยู่ ฮ่าๆๆ อีก 2 วันจะครบกำหนดวันงดค่าขนม  

        หากอยากสอนบทเรียนนี้แก่ลูก แม่ดาวคิดว่าเราต้องยืนยันกับจุดยืนของเราค่ะ  ไม่ใจอ่อน ลูกแม่ดาวตอนนี้งดค่าขนมมา 6 วันแล้ว เนื่องจากใช้ซื้อของไปเกินตัวนี่แหละ  ก็ทุกข์ทรมานใจตามประสาเด็ก อยากทานไอติม อยากทานขนม ก็ต้องอด อยากทานน้ำหวานบ้างก็ต้องอด ลูกเราอดขนม น้ำหวาน อดแค่นี้ไม่ตายแน่นอนค่ะ แค่อาจต้องทนดูอาการลงแดงของเขาเล็กน้อย ฮ่าๆๆ  เช่น พร่ำบ่น สายตาเว้าวอนเมื่อเห็นขนม แต่แม่ดาวใจดีนะะคะ หลักสูตรนี้ยังไม่เข้มข้นเพราะเพิ่งเริ่มฝึกฝน ดังนั้นยังไม่มีบททดสอบความอดทนหิน ๆ 

        ในอนาคตหากเกิดเหตุการณ์นี้อีก  แม่ดาวจะพาเขาไปเข้าร้านสะดวกซื้อหน้าบ้านด้วย โดยที่เราจะซื้อของ ๆ เรา โดยที่เขาไม่มีสิทธิจะซื้อขนมของเขา  แต่ว่าซื้อมาก็จะแบ่งนะคะ คงไม่ทานคนเดียว ต้องสอนควบคู่กับการแบ่งปัน ความมีน้ำใจไปด้วยอิอิ  ตอนนี้ให้สบาย ๆ ชิว ๆ ไปก่อน     

        ที่ผ่านมายังโชคดีนะคะเนี้ยที่ 2 วันนี้ เขาได้ทานขนมเค้กจากคุณป้าผู้ใจดี  คุณป้าท่านนี้พักอยู่แฟลตเดียวกับแม่ดาวเองค่ะ  (ที่แม่ดาวพักเป็นที่พักของพนักงานที่ทำงานป๊าน้องดีโด้ )   วันแรกคือคุณป้าทำขนมเค้กขายแล้วนึกถึงเลยแบ่งปันมาให้  ท่านทำแบบนี้บ่อย ๆค่ะ ใจดี มีน้ำใจมากมาย  พอเมื่อเย็นวันนี้น้องดีโด้ขอไปช่วยทำขนมเค้กอีก แต่ไปช้าเพราะแม่ดาวให้เขารับผิดชอบเรื่องของเขาเองให้เสร็จเสียก่อน เช่นทำการบ้าน ทานข้าว อาบน้ำ จากนั้นค่อยไป 

        ดังนั้นพอไปถึงคุณป้าทำขนมเสร็จแล้ว แต่เหลือการพับกล่องใส่  บรรจุ เตรียมส่งของ  น้องดีโด้ก็เลยไปช่วย (ไม่แน่ใจ ว่าช่วยยุ่ง หรือช่วยเหลือ) ตั้งแต่พับกล่อง  บรรจุ ช่วยยกไปเรียง ช่วยนับแบบมั่ว ๆ ฮ่าๆๆ   ต้องบอกก่อนนะคะ ก่อนที่จะไป แม่ดาวได้โทร. แจ้งและสอบถามก่อนล่วงหน้าแล้ว ว่าสะดวกให้น้องดีโด้ไปช่วยหรือไม่ ต้องเข้าใจนะคะว่า เด็กวัย 5 ขวบเนี้ย เขาอยุ่ในวัยกำลังซนเชียว เราก็เกรงใจอยู่  แต่ดีว่าคุณป้าท่านนี้ใจดี รักเด็กมาก ๆ ยินดีและเต็มใจให้ช่วยวุ่นวาย ฮ่าๆ 

        ระหว่างตัดเค้ก เป็นเค้กม้วน จะมีส่วนที่เสียบ้างนิดหน่อย น้องดีโด้ก็จะได้ส่วนนี้นี่แหละค่ะ  พูดไป ทำไป ทานไป (เรียงลำดับจากพฤติกรรมที่ทำมากที่สุดนะเนี้ย)  ช่วยจนเสร็จค่ะ  มีช่วงหลัง ๆ บ่น ๆ เบื่อๆ แหละ  ตามประสาเขา  โดยปกติก็จะเป็นแบบนี้ แรก ๆ อยากทำ พอทำไป ๆ ก็เบื่ออยากเลิก  ไม่ได้ค่ะ แม่ดาวไม่ยอมให้ลูกทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ สอนให้เขารู้จักรับผิดชอบสิ่งที่เขาเลือกจะทำ หากทำแล้วต้องทำให้สำเร็จ  เล็ก ๆ น้อย ๆ ปลูกฝังไปทีละนิดค่ะ เท่าที่เราจะมีสติและปัญญาฮ่าๆๆ (ปกติก็มีน้อยทั้งสติและปัญญา)  

        และเงิน 20 บาทนี้ ถามว่าใช้ซื้อขนมอย่างเดียวหรือไม่  คำตอบคือ ไม่ใช่ค่ะ แม่ดาวคิดว่าหากเขาอยากได้อะไรพิเศษที่ไม่ใช่ขนมทั่ว ๆ ไปรายวัน เขาก็ต้องใช้เงินส่วนนี้เพื่อสะสมแล้วนำไปซื้อเช่นกัน เช่นของเล่นที่อยากได้  แต่หนังสือ อันนี้อยู่ในข้อยกเว้นนะคะ แม่ดาวจะซื้อให้    ส่วนเงินพิเศษอื่น ๆ ที่ญาติ ๆ ให้เขามา แม่ดาวจะเก็บไว้เอง เพราะบางครั้งก็เป็นจำนวนเยอะเกินไป แต่แม่ดาวจะบอกเขาว่า ส่วนนี้แม่จะเป็นคนเก็บไว้ให้ลูกเพื่อเป็นทุนการศึกษานะคะ  เปล่าอมเงินลูกแต่อย่างใดนะคะ  ฮ่าๆๆ   ปิดเทอมนี้คิดว่าจะพาเขาไปเปิดบัญชีด้วยตัวเอง  เขาจะได้เห็นตัวเลขทุนการศึกษาจริง ๆ ว่าเงินที่ได้มาอยู่ครบไม่ได้หายไปไหน  เป็นสิทธิของเขาในส่วนทุนการศึกษา


        2.  ลูกได้ความภาคภูมิใจ และเชื่อมั่นใจตัวเอง  งง...กันล่ะซิค่ะ ได้ยังไงใช่ไหมเอ่ย   ไม่ต้องรอลุ้นคำตอบ เฉลยเลยจ้า   เงิน 20 บาท   แม่ดาวฝึกให้เขาไปเรียนรู้การซื้อของด้วยตัวเอง โดยแม่ดาวขี้จักรยานพาลูกไปร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยบ้าน และบอกเขาว่า เราจะรออยู่ตรงนี้ แจ้งว่าแม่กังวลว่าจักรยานจะหาย คนเยอะมาก แม่อยากให้ลูกไปซื้อขนมด้วยตัวเอง 

แม่            ดีโด้ครับ คนเยอะมากเลยวันนี้ แม่กลัวจักรยานจะหาย  แม่จะจอดรออยู่ตรงนี้นะครับ  แม่จะคอยดูหนูอยู่ตลอดเลย ลูกเดินเข้าไปข้างใน ซื้อขนมเองเลยนะครับ  แม่จะรอ

ดีโด้          (ทำหน้ากังวล) แม่ครับ  แล้วถ้าดีโด้ถูกใครจับตัวไปล่ะ จะทำยังไง ไปด้วยกันเถอะ

แม่            แม่รับรองครับว่า หากมีเหตุการณ์แบบนั้นจริง แม่จะสามารถเข้าไปช่วยเหลือลูกได้ทันแน่ ๆ  แม่อยู่ตรงนี้ และมองดูหนูตลอด รับรองได้ว่าสบายใจหายห่วงลูก

ดีโด้          (ยืนคิดสักพัก) แม่ครับ แม่รออยู่ตรงนี้นะครับ อย่าไปไหน เฝ้าดีโด้ไว้ดี ๆ นะครับ

แม่            จ้า......(แม่นะลูก  เข้าใจผิดว่าเราเป็นอะไรเปล่าน้อ ฮ่าๆๆ)

เดินห่างไปสักพัก คิดว่าไปแล้วจะไม่หันกลับ  เดินกลับมาใหม่อีกรอบ  พร้อมทำหน้าฉงน  

ดีโด้          แม่ครับ  แล้วดีโด้จะรู้ได้ยังไงว่าขนมดีโด้มันกี่บาท แล้วมันจะพอกับเงิน 20 บาทไหมเนี้ย (คิดเป็นนะเนี้ยลูกเรา)

แม่            แล้วดีโด้คิดว่าเราควรแก้ปัญหานี้ยังไงครับลูก ลองคิดซิ  

ดีโด้          ไม่รู้อ่ะ  แม่บอกหน่อย 

แม่            หากเป็นแม่ ๆ จะไปถามพี่พนักงานครับลูก ว่าขนมที่ลูกอยากได้กี่บาท

ดีโด้          ครับ  ดีโด้ก็คิดแบบนั้น  (อ้าว......แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะเนี้ย)

        อันที่จริง หากให้เวลาเขาคิดสักนิด ทิ้งระยะ ไม่รีบร้อน เขาก็จะคิดหาคำตอบด้วยตัวเองพอได้อยู่แล้ว  ลอง ๆ นะคะ รอฟังคำตอบจากลูกก่อน ว่าเขาคิดว่ายังไง อันนี้รีบ เลยบอกเลย   สอนให้ลูกรู้จักแก้ปัญหา ตัดสินใจหาทางออกด้วยตัวเอง สอนให้คิด สมองจะได้ทำงานเนอะ 

        หายไปสักพักใหญ่ ๆ  เราก็รอแบบใจจดจ่อ  จะสำเร็จไหมน้อ ปังคุงของแม่ ฮ่าๆๆ หากใครเคยดูนะคะ รายการขำกลิ้งกับลิงจ๋อ เขาจะมีภาระกิจประมาณนี้ให้เจ้าจ๋อชื่อ ปังคุง ปฏิบัติ  ก็ทนรอ รอแบบใจว้าวุ่นเล็ก ๆ ลุ้น ๆ   ตาก็มองจ้องตรงช่องทางที่เขาจะเดินออกมา ในที่สุด .....น้องดีโด้ก็เดินออกมาด้วยรอยยิ้ม สีหน้า ท่าทางที่แสดงออกถึงความภาคภูมิใจกับภาระกิจนี้ ฮ่าๆ  

        อยากให้เห็นภาพตามชัด ๆ  เด็กชายตาตี่ ตัวขาว ๆ แก้มยุ้ย ๆ เดินยิ้ม ถือถุงพลาสิกใส่ไอติม  ชูขึ้นสุดแขน แล้วโบกไปมา ให้แม่เห็น  เหมือนจะบอกแม่ด้วยภาษากายว่า  “แม่ ๆ ดูซิ ผมทำได้ ผมทำสำเร็จแล้ว”  มันยิ่งใหญ่มากในความรู้สึกของเด็กวัยอย่างเขา  เดินเข้ามาหาแม่ ได้สักระยะ ก็ตะโกนบอกว่า
ดีโด้          แม่ครับ ๆ  ดูซิ ๆ ดีโด้นะ  ซื้อไอติมแสนอร่อยมาด้วยแหละ  มีเงินเหลือด้วยนะ 10 บาท  (มือก็จะยกชูถุงอยู่อย่างนั้น ความภาคภูมิใจคงสูงมาก เลยต้องชูไว้ไม่ยอมเอาแขนลงฮ่าๆๆ)

แม่            ไหน ๆ ครับ โอ้โห....ดีโด้เนี้ยเก่งจังเลยลูก ไปซื้อของด้วยตัวเองคนเดียวได้ แถมยังรู้จักใช้เงิน ให้ไป 20 บาท เหลือกลับมาหยอดกระปุกอีกตั้ง 10 บาท เก่งจริง ๆ

ดีโด้ได้รับคำชมยิ่งยิ้มปากจะฉีก ตางี้เปล่งประกายความสุขและความภาคภูมิใจ

ดีโด้          แม่ครับ  พี่คนที่อยู่ช่องที่ดีโด้จ่ายเงิน เขามีน้ำใจกับดีโด้มาก ใจดีมากเลยครับ

แม่            เหรอครับลูก แล้วเขามีน้ำใจ ใจดียังไงล่ะครับ

ดีโด้          ก็ดีโด้ถามพี่เขาว่า  พี่ครับ ๆ  อันนี้กี่บาทครับ  พี่เขาก็พูดกับดีโด้เพราะมาก ๆ บอกว่ามา ๆ พี่จะเช็คราคาให้นะครับ แบบนี้

แม่            โอ้โห....พี่เขาใจดีมากจริง ๆ เนอะ

ดีโด้          ใช่......แล้ววันนี้ ดีโด้ก็ยิ้มพูดขอบคุณพี่เขาด้วยนะแม่   (คือปกติน้องดีโด้ เวลาที่พนักงานที่ร้านสะดวกซื้อทักทาย สอบถาม เขามักไม่พูดไม่ตอบ  เขาจะชอบวางฟอร์ม อันที่จริงเขาเขิน แต่ชอบทำหน้านิ่ง ๆ พี่พนักงานเขาก็เอ็นดู เขาก็ชอบแซวๆ น้องเรื่อย ๆ  เจ้าคนนี้เขาก็อายสาวๆ อยู่แล้วโดยปกติ เจอแบบนี้ยิ่งตีหน้าขรึม)

แม่            ไหน ๆ มาให้แม่จุ๊บสมองใส ๆ ของหนูหน่อยซิ  คิดดี ทำดี แล้วพูดดี ด้วยนะเนี้ย เก่งจริง ๆ ลูกใครน้อ

ดีโด้          ก็ลูกแม่ดาวคนสวยนะซิ (นี่....มีหยอดด้วยนะ มุขเยอะเจ้าคนนี้ โตขึ้นรับรองสาวตรึมฮ่าๆๆ ปากดีตลอด ๆ )

        3.   ตัวแม่เองก็ได้รับความสุขใจ ปลื้มใจ มากมายไม่แพ้กัน อาจจะมากกว่าลูกด้วยซ้ำนะคะว่าไหม

     นี่เป็นหัวข้อหลัก ๆ นะเนี้ย หากแจกแจงรายละเอียดของสิ่งที่ได้มาจากการเสียเงิน 20 บาทเนี้ย ยังได้อีกเยอะ เห็นด้วยกับแม่ดาวไหมค่ะ ว่ามันคุ้มมาก  ไม่เสียแรงที่เรียนจบคณะวิทยาการจัดการ  เอกบริหารธุรกิจมานะเนี้ย  อาจารย์ได้อ่านคงภูมิใจในลูกศิษย์คนนี้  ธุรกิจแม่ๆ  ลงทุนด้วยใจ หวังผลกำไรคือความสุขที่แท้จริงของลูก

        แรงบันดาลใจที่ทำให้แม่ดาวลุกขึ้นมาคิดแผนการเรียนการสอนหลักสูตรนี้  คือ น้องดีโด้มีแนวโน้มจะเป็นเด็กที่ใช้เงินฟุ่มเฟือย เพราะเขามักจะมีรสนิยมสูงเสมอ ๆ เช่น ชอบการแต่งตัวมาก เป็นผู้ชายที่แต่งตัวจัดหนัก ต้องเลือกเองเสมอ ตั้งแต่หัวจรดเท้า เป็นคนเยอะตลอดๆ    ฮ่าๆๆ  ชอบทานอาหารแพง ๆ ร้านต้องติดแอร์ ห้องน้ำต้องสะอาด วาดฝันว่าอยากมีบ้านหลังใหญ่ ๆ มีคนรับใช้ไว้ช่วยงานบ้าน  อยากขับรถสปอร์ตสีดำด้วยระบุมาเสร็จสรรพ   ด้วยความคิดที่มีมาติดตัวมาตามสายเลือดทางฝ่ายพ่อฮ่าๆๆ แอบนินทา แต่เรื่องจริงนะ

        แม่ดาวเนี้ยลูกทุ่ง ๆ มาก อะไร ยังไงก็ได้ ทานอาหารข้างทางก็ได้ ปูเสื่อนั่งกินกับพื้นเปิบด้วยมือก็ได้  แต่ลูกชายเรื่องพวกนี้ไม่เอาแม่เลย  ไปทางพ่อหมดเขาหมด เลยคิดว่าหากความคิดพวกนี้ยังติดตัวไปถึงอนาคต และเกิดเป็นแบบประเภท รสนิยมสูง แต่รายได้ต่ำล่ะ เขาจะทำยังไง เขาจะใช้ชีวิตแบบนี้ได้ยังไง 

        อีกทั้งค่านิยมของคนในสังคมต่าง ๆ ก็มุ่งแต่จะใช้เงินเกินตัวกันอย่างเห็นได้ชัด เช่น มีบัตรเครดิต รูดกันเข้าไป ตอนรูด ๆ ง่าย ๆ แต่พอถึงตอนจะจ่ายเนี้ยจ่ายยากซะแล้ว  มันไม่มีจะจ่าย  แล้วก็เป็นหนี้เป็นสิน ต้องหนี เปลี่ยนชื่อ ไม่เพียงสร้างความเดือดร้อนให้แค่ตัวเองนะคะ  คนในครอบครัว หรือแม้แต่เพื่อน หรือคนที่ทำงานก็เดือนร้อนไปด้วย  แม่ดาวยังเคยโดนเจ้าหนี้โทร.มาจิก ใช้คำพูดไม่ดีใส่เรา ทั้ง ๆ เราไม่ได้เป็นลูกหนี้เขาซะหน่อย   พวกคนทวงหนี้ก็แปลก คนไหนยืม ก็ต้องไปคุยกับเจ้าตัว ชอบมั่วนิ่มกดดันคนรอบข้างไปทั่ว อันนี้ผิดมากนะคะ  บาปนะนั่น  พูดทำให้ผู้อื่นเกิดทุกข์  ส่วนคนที่เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ก็นะ ตอนรูด ๆ ได้ไม่อาย ไม่คิด พอตอนจ่ายรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป มีใครเป็นแบบนี้ไหมค่ะ 

        เห็นมากมายรอบ ๆ ตัว ไม่อยากให้ลูกต้องเป็นแบบนั้น  ดังนั้นหลักสูตรการเรียนการสอนชุดนี้จึงจัดขึ้นมา ใช้ประกบกับชุดหลักสูตรอยู่อย่างพอเพียง และหลักสูตรการจัดการความทุกข์เบื้องต้น ฮ่าๆๆ หลักสูตรนี้ใครเคยอ่านหรือยังน้า  แม่ดาวสอนลูกด้วยนะ เอาไว้เรื่องนี้จะขยายให้อ่านกันในบทความต่อ ๆ ไป หากลืมแล้วใครสนใจ เตือนกันด้วยนะคะ  เรื่องในหัวมีเยอะ  มีอีกหลาย ๆ เรื่องที่รอเวลาจะพิมพ์ออกมาแบ่งปัน  

        รีบ ๆ สอนลูกตั้งแต่ยังเล็กเนี้ยดีนะคะ  ต้นทุนชีวิตยังต่ำ เขาผิด เขาพลาดอะไร ยังไม่เจ็บหนัก  หากมาเริ่มสอนกันตอนโตอาจจะไม่ทัน แม่ดาวคิดนะ เพราะปัจจุบันสังคมวัตถุมันพัฒนาพุ่งพรวดๆๆ  นักตลาด นักบริหารธุรกิจเก่ง ๆ เขาจบกันมาเยอะ ระดับหัวกะทิทั้งนั้น โลกมันเปลี่ยนไปเยอะค่ะ  เราต้องสอนลูกให้ทันเรื่องพวกนี้   อย่านิ่งนอนใจนะคะ  รีบสอน ก่อนลูกเสีย  รักและหวังดีนะคะ ซิ บอก ให้