อีก 1
เรื่อง ที่วนเวียนอยู่ในหัว จนในที่สุดคิดว่าถ่ายทอดเรื่องคาใจนี้ออกมาดีกว่า
อันที่จริงก็เป็นเรื่องเก่าเล่าใหม่ มีเพิ่มบางส่วนเข้าไปนิด ๆ
การบ่มเพาะ
สร้างระเบียบวินัย
คุณคิดว่ามันเกิดจากการบังคับ สั่งการ หรือเกิดจากการพยายามทำให้มันเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทำกันบ่อย ๆ จนชิน ติดเป็นนิสัย
หรือคิดว่าเกิดจากอะไร
อย่างที่รู้
ๆ กัน ตัวเองนั้น ก็พยายามบ่มเพาะปลูกฝังเรื่องพวกนี้กับลูกมาก็ประมาณ 2 ปีได้แล้ว
ช่วงนึงเขาก็ทำได้ดี
แต่ช่วงนี้ก็แทบจะไม่เอาเลย
เลยทำให้ต้องมานั่งทบทวนเรื่องราวหลาย ๆ
เรื่องทั้งที่เกิดจากตัวเอง(ก่อน)
ตัวเราเริ่มมีระเบียบวินัยได้ตอนไหนกัน
เอาแบบเริ่มมีระเบียบวินัยจริง ๆ โดยใช้ความพยายามอย่างมากฮ่าๆๆ
เพราะก่อนหน้าในชีวิตส่วนตัวนั้นแทบจะไม่มีระเบียบวินัยกับเรื่องใด ๆ เลย
ยกเว้นเรื่องการตรงต่อเวลา เรื่องนี้เรียกได้ว่าอยู่ในสายเลือด
และยกเว้นในการทำงานนอกบ้านในสมัยก่อนหน้าจะมีลูก
คิดว่าการที่เรานอนตื่นสาย บ้านรก ก็เรื่องของเรา
ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย หากเสาร์-อาทิตย์หยุดงาน ก็นอนตื่นสายได้
ซึ่งสมัยเรียนไม่ได้นอนตื่นสาย แต่นอนตื่นบ่ายกันเลยทีเดียว เป็นปกติของชีวิต พ่อแม่ก็บ่น สั่งสอนมาตลอด สารพัดจะสอน
แต่ไม่ทำ เพราะไม่เห็นความสำคัญว่า
ทำไมต้องทำ
เพราะตัวเองนั้นไม่ได้มีหน้าที่อื่น ๆ นอกจากกิน เรียน เล่น อาจมีบ้างที่พ่อแม่ บอกให้ช่วยเหลืองานบางอย่าง
ซึ่งไม่ได้ถือว่าเป็นหน้าที่ของตัวเองแต่อย่างใด
แต่มีสิ่งหนึ่งที่มันซึมเข้าไปโดยเราไม่รู้ตัวคือ
เรื่องการตรงต่อเวลา
ที่บ้านจะให้ความสำคัญมากกับการที่ต้องไปโรงเรียนให้ตรงเวลา ส่วนใหญ่ก็จะไปเช้ากว่าเวลาเยอะ
ส่วนพ่อเองก็จะเป็นตัวอย่างในเรื่องนี้มาก และพ่อจะเป็นคนที่ให้ความสำคัญมากกับเรื่องนี้
ขนาดนัดกันไปเที่ยว หากทางฝ่ายเพื่อนนัดกี่โมงก็ต้องไปให้ถึงก่อนเวลาอย่างน้อยสัก
15 นาที ซึ่งส่วนมากก็ไปก่อนเป็นชั่วโมง
อันนี้เท่าที่สมองลูกนกอย่างแม่ดาวจะจำได้ฮ่าๆๆๆ และพ่อเป็นคนมีวินัยกับการทำงานสูงมาก
เป็นคนที่รับผิดชอบงานที่สุด
เรียกว่ามีตัวอย่างดี ๆ ให้เห็นอยู่ตลอดกับเรื่องพวกนี้
ส่วนที่บ้าน
แม่จะเป็นแม่บ้าน ลูกๆๆ ไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากที่กล่าวมาข้างต้น แม่ก็เป็นคนสบาย
ๆ รักลูกมากๆๆๆๆ แต่อาจจะรักแบบผิดวิธีไปสักนิด
ซึ่งอันนี้แม่ดาวก็เข้าใจเขาแหละ
เพราะมันมีเหตุของการกระทำ
เมื่อเราเข้าใจเหตุผลแล้ว ไม่คิดจะตำหนิ ท่านเลย เพราะท่านรัก
เพียงแต่ท่านแค่ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงอย่างไรจึงจะถูกทาง รักอย่างที่พ่อเองก็บ่นว่าแม่เสมอ ๆ “จะเลี้ยงลูกให้เป็นเทวดาหรือไง”
เป็นคำพูดที่ได้ยินจากปากพ่อบ่อยๆ
แต่แม่เองก็มีวิธีการสอนหลาย ๆ เรื่องที่ทำให้เราเป็นคนดีได้ แค่เราไม่มีระเบียบวินัยแค่นั้นฮ่าๆๆ แม่มักสอนในเรื่องจิตใจ การช่วยเหลือคนอื่น
การแบ่งปัน ฯลฯ โดยที่วิธีการสอนของแม่นั้น คือท่านทำให้เราเห็น
ท่านอาจไม่รู้ตัวหรอกว่าการสอนแบบนี้ ดีกว่าการสั่ง การพูด พร่ำบ่นขนาดไหน อิอิ
คำตอบตอนต้น
คือ แม่ดาวนั้นมีระเบียบวินัยจริง ๆ
ได้ก็คงตอนเริ่มมีครอบครัว
และยิ่งเข้มข้นมากขึ้นตอนมีลูกนี่แหละ
เมื่อก่อนไม่เคยเห็นว่ามันสำคัญ
ก็สบาย ๆ ไปเรื่อย ๆ พอมีลูกแล้ว มันแจ่มชัดเองในความคิด ว่า แค่การพร่ำสอน
ไม่ได้ผล เท่าการกระทำให้ลูกดูเป็นตัวอย่าง
อันนี้รวมไปถึงทุก ๆ เรื่องไม่ใช่แค่ระเบียบวินัย
มาอีกตัวอย่าง มีคนที่รู้จักสนิทหลายคน
ที่เคยเรียนในโรงเรียนที่หากบอกไปทุกคนน่าจะต้องรู้จัก
เรื่องระเบียบวินัยของโรงเรียนแห่งนี้เป็นที่ทราบกันดี เป็นโรงเรียนชายล้วนชื่อดังเชียวแหละ แต่ที่เห็นทุก ๆ ปิดเทอม
พี่ท่านก็ยังนอนตื่นสาย ไม่มีระเบียบวินัยอยู่ดี
พ่อแม่หลาย ๆ คนคงคิดว่า ส่งลูกเข้าโรงเรียนแบบนี้แหละดี
อยู่บ้านมันไร้ระเบียบวินัยเหลือเกิน ส่งไปดัดสันดานเสียให้เข็ด
เป็นคำพูดที่ได้ยินบ่อย ๆ จากปากพ่อแม่หลาย ๆ ท่าน
ปัจจุบันพี่ชายคนนี้ก็เป็นคนไม่มีระเบียบวินัยอะไรเลย
แม้กระทั่งชีวิตการทำงาน
ไม่ชอบทำงานบริษัท ไม่เห็นความสำคัญของการที่ต้องไปทำงานให้ตรงต่อเวลา จนกระทั่งมีลูก ๆ นั้นก็เป็นเช่นเดียวกัน ขนาดเวลากิน นอน
ของลูกก็ยังไม่เป็นเวลาเช่นกัน
ไม่รู้มาอ่านจะเคืองกันไหม
แต่คิดว่าเรื่องมันมีประโยชน์ต่อผู้อื่น คิดว่าทำบุญนะพี่นะ ไม่ได้ตำหนิพี่ชายแต่อย่างใดเน้อ เข้าใจ ว่าครอบครัวใครก็ครอบครัวมัน
แต่อยากบอกว่า อนาคตมันจะส่งผลกระทบต่อผู้อื่นด้วยเหมือนกัน บางนิสัยอาจไม่เดือดร้อนใคร เช่น กิน นอน
แต่หากพวกเรื่องอื่น ๆ เช่น การตรงต่อเวลา อันนี้มีผลกระทบแน่ หากอยู่ร่วมกันในสังคม
แม่ดาวนั้นสมัยเรียนมักจะหงุดหงิด
จิตเสีย กับเพื่อนในกลุ่มที่ทำรายงานด้วยกันอยู่เสมอ ๆ นัด 9 โมง กว่าจะทยอยมากันครอบปากไป 10 โมง 11
โมง กว่าจะรวมตัวกันได้ กว่าจะได้ทำงาน
นี่ถ้าทำเองคนเดียวงานก็เสร็จไปนานแล้ว
อันนี้เรียกว่าทำกรรมนะคะ
ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนฮ่าๆๆ
ต้องขยายเวลา ลากยาวไปทั้งวัน บางทีก็ยันกลางคืน แถมมากันแล้วแทนที่จะช่วยกันทำให้เสร็จ
ก็เล่นไปทำไป อันนี้ขัดใจจริง ๆ
สมัยนั้นจะเป็นคนตึงมาก
ไม่ใช่คนเรียนเก่ง
แต่เวลาทำอะไรจะเป็นคนที่มีความรับผิดชอบค่อนข้างสูง
มาอีกนางที่รู้จักเรียนโรงเรียนประจำเช่นกัน แต่ก็เป็นโรงเรียนชาย-หญิง ตอนอยู่ที่โรงเรียนต้องตื่นเป็นเวลา
ต้องอ่านหนังสือตอนเช้าก่อนเข้าเรียน ฯลฯ ทุกอย่างต้องมีระเบียบวินัย ปิดเทอมมาก็เหมือนเดิม
ปัจจุบันชีวิตนั้นก็แทบไม่เห็นความเป็นระเบียบวินัยในตัวพระน้องนาง
มาที่ตัวลูกชาย น้องดีโด้
สังเกตุมาเรื่อย ๆ ถึงจะให้ทำบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ
แต่เขาก็ไม่จำ อันที่จริงต้องเรียกว่าเขาไม่ใส่ใจมากกว่า เพราะคิดว่า เขาไม่เห็นว่า
ทำไมต้องทำแบบนี้ ถึงเราจะบอกเหตุผลไปแล้ว
แต่มันเป็นเหตุผลที่ไม่เข้าไปถึงใจเขา
เช่น การถอดเสื้อผ้ากองไว้
แม่ดาวจะบอกว่า “แม่ไม่ชอบเลย เพราะบ้านเราจะดูรก
แม่ไม่ชอบจริง ๆ และแม่ก็เหนื่อยมากที่ต้องพูดซ้ำ ๆ กับเรื่องที่ลูกก็รู้อยู่แล้ว”
เขาก็จะขอโทษ และให้เหตุผลว่า “ลืม” ช่วงหลัง ๆ เป็นบ่อย เลยบอกเขาว่า
หากแม่ต้องพูดเยอะ ๆ แม่เหนื่อย คงต้องงดนิทาน อันนี้ดูจะดีขึ้น ต่อมาก็มีปรับชิ้นละ 1 บาท ก็ดีขึ้นอีกนิด คือที่ใช้วิธีพวกนี้ เพราะรู้ดีว่า
สิ่งเหล่านี้จะได้ผลกับลูกของเรา
กำลังคิดว่า
จะต้องหาวิธีพูด หรือทำบางอย่างให้เขารับรู้เข้าไปถึงใจ
ว่าแต่ละเรื่องที่แม่สอนให้เขาทำนั้น มันสำคัญกับเขาอย่างไร มี 2 แผนที่คิดไว้
คือ แต่งนิทานเอง
และการเปิดประชุมประจำบ้าน ที่บอกไปบน face
แต่ยังไม่ได้ทำเพราะตอนนั้นต้องเดินทางไปต่างจังหวัดแบบเปลี่ยนแผน
จนถึงวันนี้สมาชิกในครอบครัวก็รวมตัวกันไม่ได้สักที ส่วนนิทานเนี้ยก็ต้องใช้ความคิดเยอะ
ต้องเลือกอะไรที่เขาฟังแล้วจะถูกกับจริตเขา
คิด ๆ ต้องให้โดน ๆ ต้องให้กระเทาะใจ แต่ไม่กระเทือนใจ สอนแบบเนียน ๆ
เคยทำมาแล้ว และได้ผลดีมาก
แต่ตอนนี้เขาโตมาก รู้มาก เลยผูกเรื่องลำบาก สอนแบบไม่สอน อันนี้ยากจริง
สรุปในความคิดของตัวเองคือ ระเบียบวินัยนั้นต้องสร้างด้วยใจให้ถึงใจ
ไม่ใช่ แค่บังคับ สั่งการ พูดพร่ำไปเรื่อย ๆ
ส่วนวิธีไหนยังไง ต้องลองกลับไปคิดกันเองแต่ละครอบครัวเนอะ เด็กแต่ละคนก็นิสัยต่างกันมาก บางคนที่เจอนะคะ ไม่ต้องสอนเยอะ เขาก็น่ารัก
มีระเบียบวินัย บางคนที่รู้จักดีได้จากโรงเรียนก็มี
พ่อแม่เนี้ยคนละเรื่องกันเลย ขึ้นอยู่กับตัวเด็กเขาด้วยส่วนหนึ่ง
ความเชื่อที่แม่ดาวมีคือ บุคคลิกลักษณะนิสัยของแต่ละคนนั้น เกิดจากกรรมเก่าที่ส่งเรามาเกิด 1 ส่วน พันธุ์กรรมในชาตินี้ 1 ส่วน อารมณ์ในช่วงที่คุณแม่กำลังตั้งท้องด้วยอีก 1
ส่วน การเลี้ยงดูสิ่งแวดล้อมอีก 1
ส่วน
อันนี้ความเชื่อส่วนตัวนะคะ หรือใครคิดว่ายังไง
**** อย่าลืมนะคะ ทำให้เต็มที่ ส่วนผลจะออกมาดีหรือไม่นั้นอย่าไปสน เคยเป็นคนที่ตั้งใจมาก เลยคาดหวังมาก และเจ็บใจเสียใจมาก ทำให้เต็มที่ค่ะ ผลลัพท์ที่จะออกมาจะดีหรือไม่ ก็เกินการควบคุมของเราแล้วเนอะ "ยอมรับ เรียนรู้ อยู่กับปัจจุบัน" ประโยคเด็ดที่ท่องจำอยู่ในใจ