วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

อดอยาก


        หายๆ ไปเนิ่นนาน กับเรื่องราวเจ้าตัวน้อย วันนี้ขอเสนอในตอน อดอยาก  คำนี้ตามความหมายในเนื้อเรื่องคืออดความอยากได้ของเล่นของเจ้าลูกชายวัย 6 ขวบ   อาการอยากของลูกชายนี่ เห็นแล้วก็สงสารเนอะ ดูจะทรมานจิตใจเสียเหลือเกิน น้ำหูน้ำตาร่วง พูดฟังไม่ได้ศัพท์ ขยับปากแต่ละทีก็มีแต่ อยากได้ ๆๆๆๆ จะเอาๆๆๆ เต้นเร่าๆ เหมือนถูกไฟลนที่เท้า 

        อาการนี้เป็น ๆ หาย ๆ ยังรักษาไม่หายขาดสักที  ล่าสุดเหตุเกิดที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ไปทำธุระ คุยกันอย่างดี ว่าเราจะไปทำอะไร อย่างไร เสร็จธุระก็คือกลับ  ตกลงกันชัดเจนก่อนเดินทางไปกัน 2 คนแม่ลูก  แม่ดาวก็รู้ว่าห้างสรรพสินค้ามีแผนกล่อใจเด็ก เร้าความอยากคือแผนกของเล่น ดังนั้นจึงเลือกที่จะไม่เดินผ่านจุดนั้น และไม่ได้มีธุระอะไร ณ บริเวณนั้นด้วย   แต่พลาดตรงที่เมื่อเดินออกจากห้างจะไปทำธุระอีกที่   มีร้านขายของเล่นเด่นสง่า อยู่ ณ จุดที่กำลังเดินไป เห็นแล้วแต่ไกล พยายามเบี่ยงเบนความสนใจ แต่.....ไม่พ้นสายตาเรด้าของเจ้าดีโด้   หยุดนิ่งดึงมือแม่ไว้ และร้องขอ

ดีโด้          แม่ครับ  ขอดีโด้ดูของเล่นหน่อยได้ไหม
แม่            ดีโด้ครับ  เราตกลงกันว่าอะไรครับ
ดีโด้          แม่นะแม่นะ ดีโด้ขอแค่ดูเฉยๆ  ดูเฉย ๆ ไม่ซื้อ
แม่            (ใจอ่อนและยังมีเวลาเหลือ) ได้ครับ ดูเฉย ๆ นะครับ ไม่ซื้อตามนี้นะ
ดีโด้          ครับ

และเมื่อได้เข้าไปดูใกล้ๆ  ก็มีสิ่งหนึ่งที่เร้าใจเด็กชายวัย 6 ขวบคนนี้มากคือ นินจาโก สีแดง  อันที่จริงเขาเล่นของเล่นนี้มานานแล้ว มีสะสมไว้เยอะทีเดียว  มีแทบจะทุกสี แต่ละสิ่งก็ได้จากโอกาสพิเศษบ้าง สะสมเงินเองบ้าง แต่ที่ได้จัดหนักคือของขวัญจากคุณย่าให้ในโอกาสหลานอยากได้มาก  ทุกครั้งก็เห็นอยากได้มากตลอด แต่แม่ไม่ใจอ่อน  เขาอยากได้ชุดใหญ่มานานมากแต่ให้เก็บสะสมเงินเอาเอง เก็บมานานก็ยังไม่ได้สักที  ราคาชุดที่คุณย่าซื้อให้ประมาณ 1,800 บาท เป็นราคาที่ดูไม่เหมาะสมกับคุณค่าที่ลูกเราคู่ควรฮ่าๆๆๆๆ  แพงสำหรับแม่มาก  และไม่เห็นประโยชน์ที่จะได้จากเงินที่จะเสียไป นอกจากแค่ตอบสนองความอยากและได้ความสุขชั่วคราวของลูก  เห็นแต่สิ่งที่จะเสียกับเสีย  เสียนิสัย เสียเงิน  เห็นผลเสียมากว่าดีนะ ชั่งใจคิดแล้วว่าไม่ควร 
กลับมาเข้าเรื่องฮ่าๆๆๆ  เมื่อตากระทบรูป เกิดอาการอยากขึ้นมาฉับพลัน ไม่ยั้งคิดแล้ว วิงวอนขอร้องแม่ แต่ก็คุยกันในสิ่งที่เราตกลงกันและเดินจากไป  ขากลับผ่านอีกที่นี้ฝนกำลังจะมา ตรงจุดนั้นไม่รีบเดินผ่านอาจเปียกหนักได้  เร่งฝีเท้า แต่เจ้าดีโด้น้อยก็ดึงมือไว้สุดแรง  อ้อนวอนขอร้อง ด้วยประโยคเดิม ๆ

ดีโด้          แม่ครับ  ดีโด้ขอซื้อตัวนี้ สีแดงตัวเก่ามันหายไปไหนแล้วไม่รู้ ดีโด้ขอยืมเงินแม่หน่อย แล้วกลับไปจะใช้คืนให้ ดีโด้มีเงินหลายบาทอยู่ น่าจะพอ
แม่            ดีโด้ครับ แต่เราคุยกันว่าอย่างไร

แล้วจากนั้นก็เป็นการสนทนาอีกพอสมควร  บอกตามตรงแม่ดาวสู้แรงลูกไม่ได้ เดี๋ยวนี้ตัวใหญ่ แรงเยอะ เขารู้ว่าถ้าเขาปล่อยแม่ ๆ จะเดินจากไปจากตรงนั้น ทันที เขาก็ยื้อฉุดดึงแขนไว้ แกะไม่ออก ลากไม่ไป  เลยตั้งสติเอาใหม่

แม่            ดีโด้ครับ  ลูกอยากได้มากๆๆๆเลยใช่ไหม นินจาโกแดงเนี้ย
ดีโด้          ใช่
แม่            ลูกมีเงินในกระปุกเท่าไหร่ 
ดีโด้          ไม่รู้ แต่คิดว่าน่าจะพอ
แม่            งั้นลูกลองไปถามราคาก่อนไหม ว่าเท่าไหร่
แล้วจากนั้นดีโด้ก็เดินเข้าไปถามราคา  และราคาประมาณ 400 บาท 
แม่            อืม 400 บาท  แม่ไม่แน่ใจว่าเงินในกระปุกลูกมีพอไหม  เพราะแม่เห็นลูกเอาไปซื้อของเล่นตลอดเลย  กลับไปบ้านแล้วนับเงินที่มีก่อนว่ามีพอไหม  แล้วถ้าพอค่อยคุยกันอีกที
ดีโด้เริ่มใจอ่อนยอมก้าวขาจากร้านของเล่น แต่เดินไปก็ทุรนทุรายบ่นไป บ่นว่าขอยืมเงินแค่นี้ก็ไม่ได้ บ่นว่าแม่ใจร้าย บ่นสารพัดจะบ่น จนผ่านไปเจอกระจกที่แผนกเสื้อผ้า   ชี้ให้เขาเห็นอาการสีหน้าท่าทาง  ให้เขามองเด็กชายในกระจก 
แม่            ดีโด้  ลูกลองมองดูตัวเองตอนนี้ซิ  ดูเป็นอย่างไร มีความสุข หรือความทุกข์
ดีโด้          (หยุดและหันมองตัวเอง)  มีความสุข
แม่            อ้อ...มีความสุข แล้วร้องไห้ หน้าเบี้ยว แบบนี้สำหรับแม่จะเรียกว่ามีความทุกข์นะ  ทุกข์เพราะอยากได้ของเล่น  แล้วก็ไม่ได้  อาการอยากมันก็ออกฤทธิ์แบบนี้แหละ  จับหัวใจตัวเองซิเต้นแรงไหม(จับมือเขาให้จับที่หัวใจตัวเอง) หายใจแรงขึ้นกว่าปกติไหม ดูหน้าตัวเองซิ ว่าหน้าตาดูปกติดีไหม แบบนี้เรียกว่าใจไม่ปกตินะลูก  ความอยากทำให้ลูกเป็นทุกข์ ทุกข์มากเสียด้วย ดูซิน้ำตาไหลเลย  แม่สงสารหนูจัง  สู้ ๆ นะ  คุณเทวดาสีขาวจัดการเจ้าตัวมารร้ายในใจน้องดีโด้ให้กระเด็นไปเลย (อิงมาจากนิทานที่เคยอ่านด้วยกัน)

หยุดร้อง หยุดบ่นสักพัก เห็นว่าอาการดีขึ้นก็เดินจูงมือกันต่อไป  พอกำลังจะก้าวขาไปออกไปลานจอดรถ อยู่ ๆ น้องดีโด้ก็ดึงมือไว้ 

ดีโด้          แม่  ดีโด้อยากได้มากจริง ๆนะ  ขอร้องเถอะนะแม่นะ ให้ดีโด้ซื้อเถอะ แล้วดีโด้จะคืนเงินให้จริง ๆ
แม่            แม่รู้ว่าดีโด้อยากได้มากจริง ๆ  ฯลฯ ร่ายมนต์ไปสักพัก

ดูแล้ววันนี้คงไม่ใช่วันของแม่ดาวจริง ๆ ไม่ว่าจะใช้ไม้ไหน ก็ไม่ยอม ดูอาการลูกว่าคงจะง่วงปนนิด ๆ ด้วย คงคุยกันไม่รู้เรื่อง  คิดใหม่ทำใหม่
  
แม่            ดีโด้ครับ (ดึงมือลูกไปมุมนึงแล้วทำเสียงแบบระทึกนิดๆ)  ดีโด้เคยดูข่าวโจรปล้นผู้หญิงกับเด็กที่ลานจอดรถไหม
ดีโด้พอได้ฟังจากกำลังโวยวายทุรนทุรายก็หยุด 
แม่            เนี้ย  แม่กลัวมากๆ เลยนะ  เขาบอกว่าโจรหน่ะ จะเรียกปล้น ทำร้ายคนที่เป็นผู้หญิงเสียเป็นส่วนใหญ่  เพราะแรงน้อยสู้โจรไม่ค่อยได้  โดยเฉพาะหากมากับลูกเนี่ย โจรยิ่งหมายตาเลยนะ
ดีโด้          ทำไม
แม่            อ้าว....ก็แม่ลูกเวลามาห้างด้วยกัน ดีโด้ไม่เห็นเหรอ ลูกส่วนมากมักจะงอแงจะเอาของเล่น แล้วก็โวยวาย  ทำให้แม่ขาดสติ ไม่ได้ระมัดระวังตัว  โจรรู้จุดอ่อนตรงนี้แหละ  พอคนเราไม่มีสติ ไม่ระวังตัวก็จะทำการปล้นได้อย่างง่ายดาย 
มองไปที่ดีโด้ดูจะอินมาก เงียบสนิท ตามองไปที่ลานจอดรถข้างนอก ขณะนั้นยังอยู่ในห้างสว่าง ๆ คนพลุกพล่าน
แม่            ดีโด้ครับ  แม่กลัวมากเลยนะ ดูข่าวแบบนี้ แล้วแม่คิดว่าอะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้เสมอ เราไม่ควรประมาท  ลูกคิดว่าไง  ช่วยแม่ได้ไหม
ดีโด้          แล้วจะให้ช่วยยังไง
แม่            ก็ง่ายมาก  แค่ดีโด้นะ  ไม่งอแง ทำตัวปกติ  แล้วเวลาที่ลูกเดิน ลูกก็ต้องคอยมองระวังภัยไว้ มีใครน่าสงสัยไหม ดูทั่ว ๆ ช่วย ๆ แม่ดู แล้วรีบขึ้นรถ จากนั้นแม่จะรีบล็อคประตูเลย ตกลงไหม

ดีโด้พยักหน้า  จากนั้นเราสองคนแม่ลูกก็เดินไปแบบไม่มีเสียงบ่นให้ระคายใจ  เดินไปถึงรถอย่างปลอดภัย และใจโปร่ง   พอขึ้นรถปุ๊บดีโด้ก็บอกให้แม่รีบ ๆ ล็อคประตูปั๊บเตือนแม่ด้วย อิอิ    จากนั้นฝนก็ตกกระหน่ำ  แล้วเราก็ไม่ได้คุยกันเรื่องของเล่นนี้อีกเลยขณะขับรถ  คุยกันอีกทีก่อนนอน 
แม่ดาวสอนเรื่องการอดอยาก  เราต้องรู้จักบังคับใจตนบ้าง ไม่ใช่ปล่อยใจตามความอยากไปทุกครั้ง  ของเล่นมีได้ ไม่ได้ห้าม แต่ควรมีแต่พอเหมาะ ชี้ให้เขาเห็นของเล่นที่เขามีมากมายโดยเฉพาะนินจาโก ที่ค่อย ๆ ทยอยซื้อทีละตัว 2 ตัว  สอนให้เขาเปรียบเทียบความรู้สึกเมื่อครั้งยังไม่ได้นินจาโกชุดใหญ่  ว่าความอยากทำให้เขาทุกข์ขนาดไหน  แล้วพอได้แล้วความสุขมันอยุ่กับเขาได้นานเท่าไหร่  เหล่านี้คือชวนคุย ชวนให้เขาตามดูใจตัวเอง  ราคาก็แพงแสนแพง ซื้อมาก็หลายเดือนต่อก็ยังไม่หมด  เล่นแต่ตัวนินจา เครื่องบินที่มากับชุดอยากได้หนักหนา ก็กองไว้ เป็นชิ้น ๆ ไม่ได้ต่อสักที  ความอยากตอนนี้ล่ะ เหมือนกันไหม   เหล่านี้หรือที่เรียกว่าความสุข  ความสุขเหล่านี้เป็นความสุขถาวรไหม  ลองให้เขาคิดดีๆ เราอาจแค่ชักจูง แต่ไม่ได้ตัดสินไปทุกคำตอบ ให้เขาคิด   ชวนให้เขามองความสุขจากที่เขาได้แบ่งปันสิ่งของ ได้ทำบุญ เขารู้สึกอย่างไร  คิดถึงแล้วใจลูกสุขไหม ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเข้าใจทั้งหมด หรืออาจไม่เข้าใจเลย ณ ตอนนี้ก็ได้  แต่เท่าที่มองเขาก็คิดว่าเขาพอจะเข้าใจ  ยกตัวอย่างเรื่องการรู้จักยับยั้งชั่งใจ ทำไมพี่ ๆ บางคน รู้ทั้งรู้ว่ายาเสพติดไม่ดี  แต่ทำไมพี่ ๆ เขาถึงไปซื้อมาเสพล่ะ  ครูก็สอนว่าไม่ดี พ่อแม่ก็บอก นี่คือ การไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ รู้ว่าไม่ดี แต่อยากลอง อยากเสี่ยง อยากสนุก อยากเป็นที่ยอมรับในกลุ่มฯลฯ แล้วลูกล่ะ ถ้าลูกไม่ฝึกบังคับใจตน ณ ตอนนี้อนาคตจะเป็นอย่างไร  ถ้าเพื่อนที่ลูกสนิทมากมาชวนไปสูบบุหรี่ กินเหล้า ไปเที่ยวในที่ไม่สมควรลูกจะยอมไปไหม ฯลฯ
  
สรุปคือ สอนให้ข่มใจ อดอยากบ้างเนอะ   ณ ตอนนี้เรื่องนินจาโกแดงนี่ก็หายไปแล้ว แต่ไม่รู้ไปตกตะกอนนอนก้น หรือหายไปจริง ๆฮ่าๆๆ  น้องดีโด้พูดเองว่า ไม่อยากได้แล้ว นินจาโกมีเยอะมาก ๆ แล้ว  และที่มีก็เล่นได้สนุกมาก  ทุกวันนี้กลับมาจากโรงเรียนก็จะเข้ามุมเล่นนินจาโกก่อนสัก 30  นาที จากนั้นค่อยทำการบ้านและอื่นๆ  และที่น่ารักกว่านั้น เมื่อตอนสิ้นเดือนที่ผ่านมามีวันนึงที่แม่ดาวจ่ายสารพัดค่าใช้จ่าย จนมีเงินเหลือไม่ถึงร้อยบาท และยังไม่ได้ขอสามีเพราะยังไม่เจอกันฮ่าๆๆ  จึงออกปากลอย ๆ ว่า  วันนี้จะออกจากบ้านไปส่งลูก มีเงินอยู่ติดกระเป๋าแค่นี้ เปิดให้ลูกดู จะทำยังไงดีนะ นี่ถ้าต้องมีเหตุฉุกเฉินให้ต้องจ่ายเงินอีกจะทำอย่างไร  เขาก็รีบไปหยิบกระปุกหมีควักเงินมาให้แบงค์ร้อย 3 ใบ และแบงค์ยี่สิบอีกกำหนึ่ง บอกให้แม่หมดเลย  ถามเขาว่าให้แม่ยืม หรือให้แม่เลยไม่ต้องคืน เขาก็ว่าให้แม่เลย  แม่ดาวก็ขอบคุณชื่นชมเขาเนอะ  ซาบซึ้งน้ำใจเด็กน้อย ๆ  แม่ดาวก็ขอรับมาสามร้อย  ที่เหลือบอกให้เขาเก็บไว้    พอขึ้นรถไป เขาก็บอกว่าให้แม่ดาวเปิดกระเป๋าเงินดูซิ ปรากฎว่าเขาเอาแบงค์ยี่สิบที่มีมาแอบเรียงใส่ในกระเป๋าให้ซะตุงเลย   มีทุกข์ก็มีสุขเนอะว่าไหม       



วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วันเกิด เกิดเหตุ


        เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันคล้ายวันเกิดที่ผ่านมาของลูกชาย  ด้วยสามีอยากทำให้ลูกประหลาดใจ อยากมอบความสุขให้ลูกในวันคล้ายวันเกิด  คิดแล้วก็ทำเลย คือ เช้าวันศุกร์หลังจากไปส่งลูกไปเรียน กลับมาก็บอกว่าอยากพาลูกไปเที่ยวทะเล ปรึกษาว่าดีไหม อย่างไร  ตัวแม่ดาวเองก็เห็นว่าน่าจะดี เพราะตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน ลูกก็บ่น ๆ อยากไปเที่ยวแบบไกล ๆ ที่ต้องค้างคืน คุยกันเสร็จจัดกระเป๋าแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก  ตอนเย็นไปรับที่โรงเรียน และบอกว่าวันนี้เป็นวันพิเศษของเขาจะพาไปทานข้านอกบ้าน

        ระหว่างการเดินทางด้วยจากกทม.ไปชะอำ เพชรบุรี ก็ไกลหลายชั่วโมงอยู่  ด้วยความเป็นเด็กก็ไม่ไหว ไกลจริง หิวแล้ว รถก็ติด ฝนก็ตก  และยังมีอุบัติเหตุระหว่างทางด้วย หมายถึงคันอื่นนะคะ อิอิ    เริ่มไม่ไหว  งอแง โวยวายตามประสา เด็ก และเป็นเด็กใจร้อนความอดทนต่ำเสียด้วย

ลูก            โอ๊ย....จะไปกินข้าวที่ไหนกันเนี้ย ไกลมากแล้วนะแม่ ทำไมยังไม่ถึงสักที  ดีโด้หิวแล้ว  ดีโด้ไม่อยากไปไกล ๆ แล้ว กลับรถเลยนะ  ดีโด้จะไปทานข้าวกับคุณย่าที่เดอะมอลล์   ดีโด้อยากไปฟูจิ (((( (ร้านอาหารญี่ปุ่นในเดอะมอลล์)

ปกติเวลาวันสุดท้ายของสัปดาห์ หรือวันหยุดมักจะพาลูกไปทานข้าวกับคุณย่าที่เดอะมอลล์ และร้านประจำของคุณย่าคือฟูจิ  อันที่จริงเขามีวัตถุประสงค์อื่นแฝงอยู่ คืออยากจะไปซื้อของเล่น ได้เงินมาเป็นของขวัญวันคล้ายวันเกิดจากเพื่อนแม่ดาว

แม่            นี่ก็มาได้ครึ่งทางแล้วนะลูก  อดทนอีกนิดเนอะ  ลูกหิวแล้วเหรอ

ลูก            ใช่ หิวแล้ว

แม่            งั้น แม่มีขนมปัง ทานรองท้องไปก่อนเนอะ  นมก็มี  (จากนั้นจัดแจงหยิบเสบียงที่พอมีออกมาให้)

น้องดีโด้จัดการกินขนม ทานนมกล่องไปสักพัก  ก็นั่งบ่นอีก เริ่มงอแงขึ้นเรื่อย ๆ คงเบื่อ และใจก็อยากไปเดอะมอลล์เพื่อไปซื้อของเล่น ด้วยเส้นทางที่กำลังมุ่งหน้าไป เห็นแล้วว่าไม่มีความเจริญใด ๆ ให้พอเห็นห้างสรรพสินค้าให้แวะซื้อได้

ลูก            ดีโด้จะไปเดอะมอลล์ ดีโด้จะไปทานฟูจิกับคุณย่า ดีโด้จะไปซื้อเลโก้ ชิม่า

แม่            ตกลงที่บ่น ๆ เนี้ย ดีโด้อยากไปซื้อของเล่นใช่ไหม

ลูก            ก็ใช่  แต่ก็อยากไปกินฟูจิด้วย

แม่            อืม....ครับ  แต่วันนี้ป๊าตั้งใจมากเลยนะ ที่จะพาดีโด้ไปทานข้าวนอกบ้าน  ตั้งใจพาไปร้านที่ไม่เคยไป และอยากให้ดีโด้ประหลาดใจ  ฟูจิทานวันอื่นก็ได้   ส่วนของเล่นแม่ก็เข้าใจว่าลูกอยากได้มาก เอาเป็นว่าหากผ่านห้างหรือมีร้านที่พอแวะได้ ก็ลองแวะไปดูนะ ตกลงไหม

ลูก            เลโก้ชิม่า  มีแค่ที่เดอะมอลล์ ร้านอื่นไม่มีหรอก

แม่            ดีโด้เคยบอกแม่เองจำได้ไหม  ว่าอย่าด่วนสรุป ด่วนตัดสินใจ ว่าร้านไหนจะมีมีหรือไม่มีอะไร  ถ้าอยากจะให้รู้ต้องลงไปดูก่อน ดูให้ดี ๆ แล้วค่อยว่ากัน ใช่ไหม

ลูก            ใช่  แม่แต่ดีโด้อยากได้วันนี้  ก็วันนี้เป็นวันเกิดดีโด้นะ  ทุกทีวันเกิดแม่ก็จะซื้อของเล่นให้ หรือไม่ก็ให้เงิน ทำไมปีนี้แม่ไม่ให้อะไรเลย

แม่            แม่ขอโทษ  ที่ผ่านมาแม่เองคิดผิด ทำผิดมาหลายปี  วันเกิดแม่ไม่ควรสอนให้ลูกได้ หรือสมหวังในสิ่งที่อยากได้  แต่เราก็คุยเรื่องวันเกิดในแนวคิดใหม่ของแม่แล้วใช่ไหม 

(วันเกิด คือวันที่แม่ให้กำเนิดลูก เป็นวันที่ควรระลึกถึงพระคุณแม่พ่อ  กิจกรรมวันเกิดควรเป็นการทำบุญ ทำกุศลร่วมกัน และตั้งคำถามกับตัวเองว่า เกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไร และเราทำหน้าที่ตัวเองได้ดีหรือยังทบทวนๆ ประมาณนี้ )

ลูก            ใช่ แต่ดีโด้ก็ยังอยากได้ของเล่นอยู่ดี

แม่            แม่ก็รู้ไง  ว่าลูกเป็นเด็ก เด็กก็ชอบของเล่น อยากได้ของเล่น แม่ก็ไม่ได้ห้ามนะ  ลูกก็มีสิทธิที่จะซื้อได้ อีกอย่างลูกเองก็มีเงินอยู่แล้วไง  ที่เพื่อนแม่ให้  1 พันบาท  แต่เอ......ไหนลูกบอกแม่ว่าจะเก็บไว้เรียนหนังสือไง

ลูก            ก็ดีโด้จะซื้อของเล่นด้วย และเก็บไว้เรียนด้วย สองอย่างเลยไง ได้ไหม

แม่            ได้ ๆ ไม่มีปัญหา บริหารจัดการเงินของตัวเองเลย เงินนี้เป็นสิทธิ์ของหนู

เริ่มผ่อนคลายและเงียบไปได้สักพัก  แต่ด้วยหนทางยาวไกล ฝนตกหนัก รถก็ติด จึงเป็นช่วงเวลาที่แสนจะยาวนานเสียเหลือเกินสำหรับหัวใจเด็กน้อย ๆ ที่รอคอยการซื้อของเล่น

ลูก            เมื่อไหร่จะถึงสักที  กลับเหอะ กลับไปกินฟูจิกับคุณย่าที่เดอะมอล์ดีกว่า  ไม่อยากจะไปแล้ว มันไกลเกิน (แงๆๆๆๆ โวยวาย ๆ อีกรอบ)

แม่            ดีโด้ครับ  แม่เคยเล่าเรื่องชาย 2 คน กับล็อตเตอร์รี่ให้ฟังหรือยังนะ 

ลูก            ยังเลยแม่  ดีโด้อยากฟัง แม่เล่าให้ฟังหน่อย  (ตามีประกายขึ้นมาบ้าง)

แม่            มีชาย 2 คนเป็นเพื่อนรักกัน   วันหนึ่งชาย 2 คนนี้ ไปซื้อล็อตเตอรี่ และซื้อกันคนละ 1 ใบ  หลังจากที่ชายทั้ง 2 ซื้อล็อตเตอรี่เสร็จ ก็มานั่งคุยกัน เรื่องอนาคตว่า หากถูกรางวัลใหญ่จะนำเงินไปซื้ออะไรดี  ชายคนที่ 1 พูดว่า ฉันจะเอาเงินที่ถูกรางวัลไปซื้อที่ดินเยอะๆเลย  ชายคนที่ 2 ก็ถามว่า  เออ...แล้วแกจะซื้อที่ดินไปทำอะไร   ชายคนที่ 1 บอกว่า ฉันจะซื้อที่ดินมาสร้างบ้านหลังใหญ่ ๆ และสร้างถนน  ซื้อรถคันโก้มาขับให้สบายใจไปเลย เป็นถนนส่วนตัว  ไม่ให้ใครเข้ามาใช้ถนนส่วนตัวนี้ จะขับคนเดียวสบายใจ   ชายคนที่ 2 ถามว่า  แล้วฉันเป็นเพื่อนรักแกเนี้ย ฉันขอเข้าไปขับได้ไหม  ชายคนที่ 1 ถามว่า อ้าว แล้วแกมีรถหรือ ฉันเห็นว่าแกก็ไม่มีรถนะ   ชายที่ 2 ตอบว่า  มีซิ ก็นี่ไงเดี๋ยวถูกรางวัลใหญ่ฉันก็จะเอาเงินซื้อรถด้วยเหมือนกัน ซื้อให้มันโก้มันแพงกว่าคันที่แกซื้ออีก   ชายคนที่ 1 ได้ฟัง ก็ขัดใจ โกรธ มาซื้อรถแพงและโก้กว่าของเรา จึงตอบกลับไปว่า  ฉันไม่ให้รถแกมาวิ่งบนถนนส่วนตัวของฉันหรอก   จากนั้นชายทั้ง 1 ที่เป็นเพื่อนรักกันก็เถียงกันไปมาสักพัก ก็เกิดเหตุทะเลาวิวาทหนัก ชกต่อยกันจนบาดเจ็บกันไป  
 ขณะเล่าก็มองลูกและก็เห็นว่าเขาตั้งใจฟังมาก เขาชอบนิทานของแม่มาก  เพราะนิทานของแม่สนุกและขำมากเช่นกัน อิอิ  แม่ดาวจะเล่าในแนวสนุกขำขันบ่อย ๆ เห็นเข้าทางลูกฟัง ตั้งใจ ฟังไปรับรองว่าสื่อสารไปถึงใจแน่ ๆ  หัวเราะขำใหญ่   

แม่            ตลกไหมลูก  นี่ชาย 2 คนนี่เขาทะเลาะกันด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นหรือยัง  เขาถูกรางวัลหรือยัง

ลูก            (ขำกระจาย)  ฮ่าๆๆ  ตลกเนอะ ซื้อเฉย ๆ ยังไม่ทันได้เงินเลย ตลกต่อยกันเฉยเลย

แม่            นั่นซิ   เขาทุกข์เพราะเรื่องที่ยังไม่เกิด ทุกข์เพราะความคิด ทุกข์เพราะคิดไปเรื่องอนาคต ไม่อยู่กับปัจจุบัน  ปัจจุบันคือเขาเพิ่งจะซื้อล็อตเตอรี่ใช่ไหม   เพิ่งจะซื้อ  ยังไม่ทันจะประกาศผลรางวัล ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะถูกจริง ๆ ไหม คิดไปก่อนล่วงหน้า แล้วก็มาทะเลาะกัน ตลกเนอะ

ลูก            ใช่ๆ  ตลกมาก ฮ่าๆๆๆ   แม่เล่าอีก อยากฟังอีก

แม่            หมดแล้ว แม่ไม่ได้เตรียมเรื่องมาเยอะ  ไว้ขอเตรียมตัวก่อน ตอนนี้คิดไม่ออก 

ลูก            แม่ครับดีโด้ อยากไปซื้อของเล่น พาดีโด้ไปซื้อของเล่นนะ ดีโด้อยากได้วันนี้จริง ๆ  (วนกลับมาสู่ความทุกข์อีกแล้ว)

แม่            (ยิ้ม)  อยู่กับปัจจุบันไงครับ  นี่ไง ดีโด้กำลังคิดไปอนาคตนะ  ดีโด้เพิ่งจะพูดอยู่ตะกี้ว่า ชาย 2 คนตลกจริง ๆ ทุกข์กับเรื่องอนาคตที่ยังมาไม่ถึง  ตอนนี้ดีโด้กำลังอยู่ที่ไหน

ลูก            (ยิ้ม โดนแทงใจ)  อยู่บนรถ

แม่            ใช่ ดีโด้กำลังอยู่บนรถ  และเรากำลังเดินทางไปทานข้าวอย่างมีความสุขด้วยกัน แต่ตอนนี้รถติด ฝนตก มีอุบัติเหตุข้างทางด้วยเห็นไหม   ดีโด้อยู่กับปัจจุบันนะลูก  มีความสุขอยู่กับปัจจุบัน

ดีโด้ยิ้มอย่างเข้าใจและหลังจากนั้น  มีบ่นอีกบ้าง ทำแบบเดิม ก็ยิ้ม ๆ และเตือนเขาว่า อยู่กับปัจจุบัน แค่นี้ ไม่ต้องยาว ไม่ต้องเหนื่อยพูด และไม่ต้องฟังเสียงพร่ำบ่นอย่างยืดยาว  ไม่ต้องฟังเสียงร้องไห้คร่ำครวญ  เมื่อเขาบ่น เราก็ฟัง และตอกย้ำให้สติ แค่นี้  จบการเดินทางวันนัอนั้นอย่างมีความสุข สุขตามเหตุปัจจัยแหละเนอะ

        เรื่องนี้แม่ดาวใช้หลักการแสดงความเข้าใจไม่ปฏิเสธความรู้สึก และสอนธรรมะผ่านนิทานไปด้วย  สอนวันละนิด จิตแจ่มใสเนอะ   
         
***ตอนแรกที่เขาโวยวายบ่น ๆ แม่ดาวนั่งหน้ากับสามี จากนั้นก็ปีนมานั่งกับเขากอดและคุยกันแบบสบายๆ                        





วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ผู้ชายหัวใจหญิง


      เมื่อเย็นวาน ขณะที่เราแม่ลูกกำลังนั่งพูดคุยกัน 

ลูก            แม่ครับ คุณครู ....... ใจดีมากเลยครับแม่
ครูท่านนี้เป็นผู้ชาย แต่แม่ดาวยังไม่ฟันธงนะคะว่า เป็นผู้ชายหัวใจหญิงแน่ ๆ เพราะไม่ได้ใกล้ชิดมากนัก  แค่ดูภายนอกเป็นผู้ชายที่เรียบร้อย อ่อนโยน แววตาใจดีมาก  ดูจากการแต่งกายจะเป็นผู้ชายสำอางค์ค่ะ 

แม่            ครู... ใจดีมากและลูกก็ชอบครู....  มากเลยใช่ไหมลูก

ลูก    ใช่   ครูจะใจดี รักดีโด้มากอยู่คนเดียว  เด็กคนอื่น ๆ ครูจะไม่ค่อยรัก ทำไมล่ะแม่

แม่           ถ้าถามแม่ เท่าที่แม่รู้  ลูกเป็นเด็กดี ตั้งใจฟังครูสอน ก็ไม่แปลกเนอะถ้าครูจะรักเป็นพิเศษ  แต่เอ...แล้วเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ หลาย ๆ คนเท่าที่แม่รู้มา (ไปประชุมผู้ปกครองมา) คุณครูก็บอกว่าเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน หลายคนนะ 

ลูก           ใช่    แต่ก็มีบางคนซนๆ ดื้อ ๆ

แม่            นั่นซิ   แล้วทำไมดีโด้ถึงคิดว่าครู...... รักหนูมากเป็นพิเศษกว่าคนอื่น ๆ ล่ะครับ

ลูก            ก็ครูจะใจดีกับดีโด้มาก  ชอบมาคุยกับดีโด้ วันนี้ก็เกือบจะจุ๊บดีโด้

แม่            อืม....เข้าใจแล้ว แล้วกับเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ครูไม่ทำแบบนี้เหรอลูก

ลูก            ไม่  ครูจะรักดีโด้มากคนเดียว

เมื่อได้ฟังแบบนี้ แม่ดาวกลับมาดูอาการทางกาย  ทางใจตัวเอง เรารู้สึกยังไง กับสิ่งที่ลูกเล่า  ยอมรับว่ามีสะดุดใจกับคำพูด ที่บอกว่าครูจะจุ๊บน้องดีโด้   อย่าด่วนสรุปตัดสินพิพากษาผุ้อื่น  ประโยคนี้ก้องดังในสมอง    ดังนั้นจึงวางความคิดนั้นลง และคุยต่อได้

แม่            คุณครู.......รักและเมตตาลูก เป็นเรื่องที่น่ายินดี เป็นเรื่องดีนะลูก  แต่ความรักและความเมตตานั้นควรมีขอบเขตในการแสดงออกถึงความรัก   เช่น หากครูหอมแก้มลูก แม่รักลูกแม่ก็หอมแก้มลูกได้ แบบนี้แม่ว่าก็ไม่เป็นไร แต่หากล่วงเกินร่างกายของเรามากเกินไปในบริเวณที่ต้องห้าม  เช่น มาจับน้องชายหนู  มาลูบคลำก้นลูกที่ไม่ใช่การหยอกล้อ เล่น หรือลงโทษ   ชวนหนูไปในที่ไม่ค่อยมีคน ในห้องและอยู่กันลำพัง  อันนี้อันตรายมากนะคะ  หากลูกไม่แน่ใจก็ให้ห่างไว้ อยู่กับคนเยอะ ๆ ไว้ดีที่สุด

                (แอบเครียด จะพูดต่อยังไงดีหนอ ยากจริง)  

ลูก           ครับ  (แววตาดูเริ่มกังวล)

แม่            ดีโด้รู้จักหรือเข้าใจคำว่า ผู้ชายหัวใจผู้หญิงไหม

ลูก            รู้จักซิแม่  ดีโด้เคยเห็นตั้งหลายคน

แม่            อืม....แล้วดีโด้คิดว่าคุณครู....... เป็นผู้ชายหัวใจผู้หญิงไหม

ลูก            อืม.........คิดว่าน่าจะใช่นะ   เอ.....หรือไม่ใช่

แม่            ดีครับลูกคิดแบบนี้ ไม่ด่วนตัดสินว่าใครเป็นยังไง แบบไหน  ไม่ว่าครูจะเป็นผู้ชายหัวใจผู้หญิง หรือจะเป็นผู้ชายหัวใจชาย ก็ไม่ใช่ประเด็น ไม่สำคัญเท่ากับว่า ครู เป็นครูที่ดี  ลูกเข้าใจคำว่าครูที่ดีไหม

ลูก            เข้าใจ  (แม่ดาวไม่ถามต่อว่าครูที่ดีคืออะไร เพราะคิดว่าลูกคงจะรู้คำตอบแล้ว จึงไม่ถามลูกต่อ ว่า แล้วครูที่ดีในความเข้าใจของลูกคือครูแบบไหน  ข้ามไป หากไม่แน่ใจจะใช้คำถามนี้ต่อค่ะ)

แม่            ผู้ชายหัวใจผู้หญิง  ผู้หญิงหัวใจผู้ชาย  แบบนี้มีมากมายในปัจจุบันลูกก็เห็น  ลูกคิดว่าเขาเป็นแบบนี้ผิดไหม เป็นคนไม่ดีหรือเปล่า

ลูก            ไม่รู้ 

แม่            อืม....ไม่รู้เนอะ มันเข้าใจยากเหมือนกันแหละสำหรับเด็ก  แต่หากถามแม่  เขาอาจเป็นผู้ชายหัวใจหญิง หรืออะไรก็แล้วแต่  เขาเลือกเกิดไม่ได้จริงไหม  เขาอาจเกิดมามีร่างกายเป็นผู้ชาย แต่ข้างใจหัวใจเขาเป็นผู้หญิง แม่ว่าก็ไม่ผิด  หากจะถามว่าการเป็นแบบนี้ กายอย่างใจอย่างแบบนี้ ตัดสินได้ไหมว่าเขาเป็นคนไม่ดี แม่ว่าไม่ได้นะ  แม่มีเพื่อนที่เป็นชายหัวใจหญิง และมีเพื่อนหญิงหัวใจชาย แม่ก็เห็นเขาเป็นคนดี เป็นเพื่อนที่ดี มีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่น  เราตัดสินคนที่ภายนอกไม่ได้เลย ต้องดูไปเรื่อย ๆ ดูพฤติกรรม ฟังเขาพูด เพราะคำพูดดจะสือถึงความคิดด้วย  จำได้ไหม คิดดี ทำดี พูดดี   แต่ก็มีนะ บางคนพูดจาไม่ดี แต่จิตใจดีแบบนี้ก็มี มันหลากหลาย 

(มองตา และดูอาการท่าทางเขาตลอดว่าเขาอยากฟังเราไหม  สนใจฟังไหม  อ๋อ.....สนใจฟังหูผึ่ง งั้นต่อ)

แม่            ในสังคมมีทั้งคนดี คนไม่ดีปน ๆ กันอยู่   ในสังคมใกล้ ๆ ตัวลูกก็เห็น  ยิ่งตามข่าวที่เราดูกันก็มักนำเสนอเรื่องคนไม่ดีให้เราเห็นกันเป็นส่วนมาก   ข่าวเด็กโดนกระทำชำเรา ข่มขืนก็มี

ลูก            ข่มขืน คืออะไรแม่ ดีโด้ไม่รู้จัก

(เอ่อ.............ไงต่อดี  งงนะ ทีกระทำชำเราไม่ถาม ข้ามมาถามข่มขืนฮ่าๆๆ) 

แม่            ข่มขืน คือ การที่ตัวเราถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจให้เสียหาย กายเจ็บ ใจเจ็บ 
( แบบนี้ (จะเข้าใจไหมหนอ)

ลูก            อืม.......ไม่ค่อยเข้าใจ

แม่            (ฮ่าๆๆ)  เอาเป็นว่า เป็นเรื่องที่ไม่ดีมาก ๆ หากเกิดขึ้นกับเรา   เราควรระวังตัว  ตื่นตัว แต่ไม่ตื่นตูม เข้าใจ

ลูก            ก็พอเข้าใจ 

แม่            แล้วตอนนี้ ลูกรู้สึกกลัวครู.......ไหม

ลูก            ไม่กลัว

แม่            ครับ  แม่บอกให้ อย่าลืม ตื่นตัว แต่ไม่ตื่นตูมนะ

ลูก            ครับ      

                จบบทสนทนา  ค่อยโล่ง ตอนแรกคิดอยู่ว่าจะไปได้ไหม จะคุยยังไง คิดแต่ว่าควรคุย เริ่มจากพยายามมีสติให้ได้ก่อน แล้วให้ใจเบา ๆ สักนิดค่อยคุยต่อ   แม่ดาวมักใช้พวกประโยคสั้น ๆ อธิบายไปก่อนในครั้งแรกแล้วหลัง ๆ จะหยิบประโยคน็อคใจมาใช้   เช่น
 ยิ่งให้ยิ่งได้,    คิดดี ทำดี พูดดี,   จิตที่ให้นั้นคิดให้เบา  จิตที่เอานั้นคิดให้หนัก , อย่าไปว่าคนอื่นเขา ตัวเรานั้นดีแล้วหรือ ,พอเพียง ฯลฯ  ด้วยตัวแม่ดาวเองสมองนั้นจะจำอะไรยาว ๆ ไม่ค่อยได้   ต้องมีประโยคเด็ดไว้กระแทกใจ ปลุกสติเรื่อยๆ ฮ่าๆๆ
                 ปัจจุบันเห็นมีบางคนที่เข้าขั้นต่อต้าน รังเกียจกับเพศที่สามอย่างมาก ทั้ง ๆที่ อาจยังไม่ได้รู้จัก
ใกล้ชิดกันเลยด้วยซ้ำ เรียกว่าแค่เห็น ก็เกิดอาการอยากไล่เตะ  เคยได้ยินพ่อท่านนึงพูดเหมือนกันว่า หากลูกชายตนนั้นเป็นตุ๊ดนั้นจะเตะให้หายเป็นเลย  แม่ดาวก็คิดในใจ เตะแล้วหายได้ พ่อแม่คนอื่นคงทำให้หมดแล้ว ฮ่าๆๆ  ไม่อยากให้ลูกชายเกิดความคิดแบบนี้ ดังนั้นเรื่องครั้งนี้นับเป็นโอกาสดีที่ได้สอนเนอะ                 
                 การพูดคุยกับลูกทุกวัน เป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ได้ทั้งแบ่งปันเรื่องราว  ได้เห็นปัญหา  ได้ความสัมพันธ์ที่ดี  และลูกเองก็ได้ผ่อนคลายความเครียดบางอย่างในใจระบายออกในแต่ละวันไม่หมักหมมม จนเป็นปมในใจเนอะ  

               
     




                

วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ชัดเจนขึ้นอีกนิด...เพื่อชีวิตที่ดีกว่า

            จากวันก่อนแม่ดาวได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเลี้ยงลูกกับคุณแม่ท่านหนึ่ง  ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาว่า  เอ.....เรื่องนี้น่าจะต้องนำมาขยายและแบ่งปันกันเนอะ     เรื่องที่ว่านี้คือ เรื่องความชัดเจนในเรื่องใช้คำพูดของเราและความชัดเจนเรื่องขอบเขตพฤติกรรมของลูก   ไม่รู้แม่ดาวใช้คำแบบนี้เข้าใจไหม  แต่จะยกตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นเนอะ

            ในแต่ละวัน อาจมีเรื่องที่เราต้องการบอก ต้องการสื่อสาร ต้องการสอนลูกมากมาย เคยสงสัยไหมค่ะ ว่าทำไม๊ ทำไม หลาย ๆ ครั้ง พูดไปเหมือนพฤติกรรมนั้นก็ไม่เกิด   ความไม่ชัดเจนในการสื่อสารของเราก็มีส่วนนะคะ   เช่น

1.แม่อยากให้ลูกเป็นเด็กดี ทำตัวน่ารัก ๆ นะคะ
2. ทานขนมให้ดี ๆ นะคะ ระวังขนมหกเลอะเทอะนะคะลูก
3. อย่าวิ่งไปวิ่งมาได้ไหม เดี๋ยวก็หกล้มจนได้
4. เล่นด้วยกันดี ๆ นะคะลูก
5. อย่านั่งแบบนั้นได้ไหมมันอันตรายนะลูก
6. พูดเสียงเบา ๆ หน่อยนะคะลูก
7. ทานข้าวให้มันเร็ว ๆ หน่อยได้ไหมคะ   แม่สายแล้วนะ  เดี๋ยวก็ไปไม่ทันกันพอดี

ฯลฯ   เหล่านี้เป็นตัวอย่าง  เอ....มีใครเคยใช้คำพูดประมาณนี้ไหมหนอ   อ่านแล้วมีใครสงสัยไหม หรือไม่สงสัย ว่าแม่ดาวคิดว่าข้อความเหล่านี้ไม่ชัดเจนอย่างไร  ซึ่งบางข้อความก็น่าจะเป็นคำพูดที่ดูดีมากนะจริงไหม    มาดูกันนะคะ  แม่ดาวจะขอขยายความตามฉบับแม่ดาวๆ ให้ได้อ่านกัน 

1.แม่อยากให้ลูกเป็นเด็กดี ทำตัวน่ารัก ๆ นะคะ      คือ ลูกเขาอาจไม่แน่ใจว่าแบบไหนนะ คือเป็นเด็กดี   และน่ารัก ๆ เนี้ย แบบไหน  ในสถานการณ์แบบนี้ ต้องดูเอาว่า ที่คุณพูดประโยคนี้เป็นอย่างไร   เช่น บอกก่อนจากลากันไปโรงเรียน    หากให้แม่ดาวเปลี่ยนประโยคนี้ให้ชัดเจนขึ้น  แม่อยากให้ลูกตั้งใจฟังคุณครูสอนและเชื่อฟังคุณครูนะคะ      หรือจะใช้สื่อสารเพื่อเป็นการอบรมสั่งสอนลูก  ก็อาจใช้เป็น  แม่อยากให้ลูกรักษาศีล 5  เป็นเด็กเอื้อเฟื้อมีน้ำใจมีอะไรก็แบ่งกันผู้อื่น ประมาณนี้  ในกรณีนี้คือเด็กรู้จักศีล 5 และเข้าใจว่าการมีน้ำใจ คือแบบไหน   แบ่งปันอย่างไร  หากยังไม่รู้สอนได้จากการทำให้เขาเห็น หรือพาเขาทำ เช่น  ชวนลูกแบ่งขนมที่ลูกมีให้เพื่อน  และบอกว่า แบบนี้คือการแบ่งปัน และบอกลูกว่า หนูเป็นเด็กมีน้ำใจแบ่งปันเพื่อน ประมาณนี้

2. ทานขนมให้ดี ๆ นะคะ ระวังขนมหกเลอะเทอะนะคะลูก    ในกรณีเราอาจเห็นลูกของเรากำลังจะทานขนมที่สามารถหกเลอะเทอะได้  หากเป็นแม่ดาวจะสื่อสารดังนี้    ดีโด้ครับ นั่งทานขนมที่โต๊ะทานอาหารแล้วเอาจานมารองกันขนมหกด้วยนะครับลูก

3. อย่าวิ่งไปวิ่งมาได้ไหม เดี๋ยวก็หกล้มจนได้    เราอาจเห็นลูกกำลังวิ่ง  พื้นอาจไม่เรียบมีหลุม    สื่อสารว่า   ดีโด้ครับเดินช้า ๆ ครับ พื้นมีหลุมเยอะ ระวังจะล้ม

4. เล่นด้วยกันดี ๆ นะคะลูก    เขาอาจมีเพื่อนมาเล่นด้วยและเราอยากให้เขาเล่นกันแบบรู้รักสามัคคีฮ่าๆๆ  สื่อสารว่า   เด็ก ๆ คะ เล่นด้วยกัน คือเราจะมาสนุกด้วยกัน หากมีใครสักคนเจ็บตัว หรือร้องไห้ โวยวาย แสดงว่าไม่สนุกนะครับ   ดังนั้นถ้าไม่สนุก  ก็ไม่เล่นนะครับ เลิกเล่น และแยกย้ายกลับบ้าน ตกลงไหม  อันนี้อาจยาวสักนิด แต่พูดแบบนี้แม่ดาวเห็นผลนะ  เราอาจไม่สามารถควบคุมเด็กอีกฝ่ายได้ แต่เราสามารถจัดการที่ลูกเราได้ หากเห็นว่าเขาเล่นด้วยกันแล้วไม่สนุก ร้องไห้ โวยวาย แกล้งกัน  แม่ดาวจะพาลูกกลับทันที  เลิกเล่น  แต่ไม่ได้โกรธ  บอกด้วยเหตุผลและเข้าใจ   ถึงลูกเราจะอยากเล่นต่อ  แต่ต้องตามกติกา หากเห็นว่าลูกเราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน  ให้คุยกับเด็กอีกฝ่ายว่ายังอยากเล่นด้วยกันไหม ให้โอกาส  หากอีกฝ่ายบอกอยากเล่น จะให้เล่นต่อ แต่หากเกิดเหตุอีก แยกและกลับจ้า  แรก ๆ ที่ใช้วิธีนี้ลูกก็ร้องไห้ไม่ยอม แต่พอใช้เรื่อยๆ ก็เริ่มเข้าใจและกลับได้อย่างไม่ลำบากหัวใจมากนักอิอิ

5. อย่านั่งแบบนั้นได้ไหมมันอันตรายนะลูก   เราอาจเห็นลูกกำลังปีนขึ้นไปนั่งบนพนักพิงเก้าอี้  คือเขาอาจสนุกที่จะทำแบบนั้น  สื่อสารคือ ก้นติดเบาะ เท้าห้อยลงพื้นครับ    ตรงนี้อาจใช้มือช่วยชี้จุดที่ให้เขานั่ง หากเป็นแบบนี้แม่ดาวอาจใช้เสียงเข้มสักนิด เพราะรู้ว่าเขาทำเพื่อความสนุก แต่เราไม่สนุกกับเขานี่เนอะ มันอันตราย แต่หากพูดยืดยาว ก็ใช่ว่าเขาจะฟังและทำตาม ดังนั้น หนักแน่น ๆ เน้น ๆ ฮ่าๆๆ

6. พูดเสียงเบา ๆ หน่อยนะคะลูก    คุณอาจกำลังอยู่ในร้านอาหาร แล้วลูกก็อาจกำลังสนุกพูดตะเบ็งเสียงดังลั่นร้าน   การสื่อสาร  อาจใช้วิธีกระซิบข้างหูด้วยเสียงแผ่วเบา พูดเสียงปกตินะครับ   วิธีนี้เด็กๆ มักจะชอบมาก คือเขาจะจักจี้นิด ๆ และแม่ไม่ได้ใช้อารมณ์ตะเบ็งเสียงสั่งการ หรืออาจพูดกับลูกด้วยเสียงปกติ  อาจสะกิดให้เขารู้ตัว  พูดเสียงปกติครับ  ไหนลองพูดให้แม่ฟังซิ   ฟังว่าเขาพูดในระดับปกติหรือยัง ถ้าใช่   บอกเขาต่อว่า  ใช่ครับ เสียงปกติแบบนี้ ขอบคุณลูกมากนะครับที่ลูกฟังแม่พูด

7. ทานข้าวให้มันเร็ว ๆ หน่อยได้ไหมคะ   แม่สายแล้วนะ  เดี๋ยวก็ไปไม่ทันกันพอดี  ประโยคนี้ หลายครั้งขาดสติแม่ดาวก็ใช้บ่อยฮ่าๆๆๆ  แต่หากมีสติจะพูดว่า   ลูกมีเวลา...........นาทีในการทานข้าวเช้า  และเราจะออกจากบ้านพร้อมกันตอน.........โมง  แม่ดาวใช้ตั้งเวลาบ้าง หรือไม่ก็ชี้เข็มนาฬิกาประกอบให้ลูกดู บอกลูกว่า เข็มสั้นถึงเลขไหน เข็มยาวถึงเลขไหน นัดเวลากัน    

            ทุก ๆ การสื่อสาร อย่าลืมว่า ต้องมั่นใจว่า ลูกพร้อมที่จะฟังเราพูดด้วยนะคะ   อย่าลืมส่งสายตาให้กันและกันด้วยนะ  แต่ระวังสายตาของเราด้วยนะคะ   ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจเนอะ   แต่เชื่อว่าต้องมีบ้างแหละที่บางครั้งแม่ ๆ อย่างเราก็ต้องใช้สายตาเพชรฆาต ฮ่าๆๆๆๆๆ   แหมๆๆๆ ใครเล่าจะเป็นนางฟ้าไปได้ตลอดเนอะ บางทีมันก็ต้องมีบ้าง อิอิ  คงไม่ต้องบอกเรื่องอารมณ์และน้ำเสียงด้วยใช่ไหมคะ เล่าสู่กันอ่านเนอะ   แม่ดาวผิดและพลาดมาก่อน  เมื่อมีอะไรใช้ดี ใช้ได้ผล จึงมาบอกเนอะ  อยากรู้ต้องลองจ้า



วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แม่ครับ ผมมีอะไรจะบอก แต่ไม่อยากบอก


        อ่านชื่อแล้วสงสัยกันไหมคะว่า เอ......มันเรื่องอะไรหนอ    วันนี้แม่ดาวมีเรื่องราวของลูกชายวัย 6 ขวบ  28 มิ.ย. นี้ก็เต็ม 6 ขวบบริบูรณ์   อันที่จริงแต่ละวันเขามีเรื่องเยอะมากๆ   ทำให้แม่ดาวมีเรื่องมากมายที่จะนำมากระจายแบ่งปันฮ่าๆๆ  เอาล่ะ...เข้าเรื่องดีกว่าเนอะ  

        ณ  คืนหนึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา  เป็นช่วงเวลาก่อนที่จะนอนหลับ  ทุกคืนเราจะมีกิจกรรมเตรียมความพร้อมก่อนการเข้านอน ฮ่าๆๆ ไม่ว่าจะเป็นสวดมนต์ เล่านิทาน แบ่งปันเรื่องราวความสุข ความทุกข์ หรือเรื่องราวสารพัดที่อยากจะเล่าสู่กันฟัง  แม่ดาวก็ปิดไฟและกำลังกำลังจะนอนด้วยกัน จู่ ๆ ก็มีเสียง  ๆ หนึ่งดังขึ้น หลังปิดไฟ

ดีโด้          แม่ (เสียงแบบลาก ๆ เสียงนิดนึง) ดีโด้มีเรื่องอะไรจะบอกแม่แหละ
แม่            ครับ....มีเรื่องอะไรจะบอกแม่เหรอ
ดีโด้          เอ่อ...........ไม่เอา  ไม่บอกดีกว่า มันเป็นเรื่องไม่ค่อยดีเท่าไหร่
แม่            (พูดแบบนี้ ยิ่งอยากจะรู้นะเนี้ย)  อ้าว.......เป็นงั้นไป  ดีโด้บอกว่า มีเรื่องอยากบอกแม่ไง  ตกลงอยากบอกแม่ไหม
ดีโด้          อยากบอก แต่ไม่อยากบอก
แม่            อ๋อ......ใจหนึ่งก็อยากจะบอกแม่  แต่อีกใจก็ไม่อยากจะบอกแม่เนอะ  นั่นซินะ คงเป็นเรื่องที่พูดยากมากเลยนะเนี้ย
ดีโด้          ใช่.....เล่าแล้วกลัวแม่ดุ  กลัวแม่เสียใจด้วย  เป็นเรื่องไม่ดี
แม่            อืม.....แล้วปกติ เวลาลูกทำอะไรผิด แม่ดุลูกมากเลยเหรอ
ดีโด้          ไม่เลย แม่ใจดี แม่ไม่ค่อยดุ แต่บางทีก็มีบ้างนะ
แม่            นั่นซิ ......แม่คิดว่าแม่สามารถรับฟังลูกได้ทุกเรื่องนะ และสัญญาว่าแม่จะไม่ดุเลย จะรับฟังดี ๆ เชื่อใจแม่ไหม
ดีโด้          ดีโด้ก็อยากบอก แต่ไม่อยากบอกนี่
แม่            อืม.........เอาแบบนี้ไหม เรามาผลัดกันเล่าเรื่อง  ลูกเล่าเรื่องของลูก  แม่จะเล่านิทานพิเศษก่อนนอนเพิ่มให้วันนี้  (ปกติแค่ไหนแค่นั้นตามตกลงกันก่อนเข้านอน)    (โน้มน้าวใจไม่ได้ผล งั้นต้องล่อใจ)
ดีโด้          อืม... ก็ได้ ขอ 2 เรื่องได้ไหม
แม่            ได้ สบายมาก ไม่มีปัญหา (ได้ผล อิอิ)
ดีโด้          วันนี้ชั่วโมงเรียนภาษาอังกฤษ มีการสอบแหละ
แม่            อืม...สอบภาษาอังกฤษเนอะ
ดีโด้          เอ๊ะ....ไม่ใช่ ๆ ไม่ใช่การสอบ แต่ครูบอกว่าเป็นการทดสอบ
แม่            อ๋อ...ทดสอบเนอะ
ดีโด้          ใช่  แล้วดีโด้ทดสอบได้  0  (คะแนน) 
แม่            ได้ 0 เหรอลูก อืม..ข้อสอบคงยากมากเลยเนอะ
ดีโด้          ก็ยากนิดหน่อย  ทำได้บางข้อ  แต่ว่าที่ได้ศูนย์ เพราะดีโด้ลอก
แม่            ลอกเพื่อนข้าง ๆ เหรอลูก
ดีโด้          เปล่า  ไม่ได้ลอกเพื่อน แต่ลอกสมุดตัวเอง แต่คุณครูห้ามเปิดดู  แต่ดีโด้ทำไม่ได้ก็เลยเปิด
แม่            อืม...แล้วสอบอะไร ยังไงเหรอ เช่น สอบเขียนคำว่าอะไร สอบเติมคำ ข้อสอบเป็นแบบไหนลูก
ดีโด้          ก็สอบเขียนคำ
แม่            อ๋อ...เขียนคำที่ลูกเรียนผ่านมาแล้วแบบนี้ใช่ไหม เช่น cat bat rat
ดีโด้          ใช่ ๆ  มีคำพวกนี้ด้วย
แม่            เอ...แต่คำพวกนี้ลูกก็เขียนได้นี่นา แม่จำได้ ว่าลูกเขียนได้
ดีโด้          ก็เขียนได้ที่แม่บอก แต่คำอื่น ๆ เขียนไม่ได้ 
แม่            อ๋อ....ก็เลยอดใจไม่ไหวแอบเปิดดูหนังสือ
ดีโด้          ใช่ๆ  (เสียงระรื่นเลย)  แม่ไม่เสียใจเหรอ ดีโด้ได้ศูนย์

แม่            ไม่เสียใจที่ดีโด้ได้ 0  แต่เสียใจที่ดีโด้ไม่ซื่อสัตย์  แม่ว่าครูเองก็คิดแบบแม่นะ 
ดีโด้          ดีโด้ขอโทษ ก็มันทำไม่ได้นี่นา
แม่            ถึงแม่จะเสียใจเรื่องลูกไม่ซื่อสัตย์ แต่แม่มีก็มีเรื่องดีใจนะ
ดีโด้          ดีใจเรื่องอะไร
แม่            ก็เรื่องที่ลูกกล้าหาญไง  กล้าที่จะบอกกับแม่ กล้าที่จะพูดให้แม่ฟัง ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องที่ลูกเองก็ลำบากใจมากเนอะ   กล้าหาญนั้นดีแล้ว  อย่าลืมเรื่องความซื่อสัตย์ด้วยนะลูก
ดีโด้          คราบ (ลากเสียงยาน)   แต่แม่ไม่ต้องเสียใจเรื่องศูนย์นะ ดีโด้แก้ตัวเลขเองแล้ว ครูให้ศูนย์แล้วดีโด้ก็ให้คะแนนตัวเองเต็มเลย (พูดแบบครึกครื้น) 
แม่            ดีโด้ครับ ต่อให้ลูกจะเขียนแก้เลข   ลบออก ยังไงซะความจริงก็คือความจริง  ลูกหลอกคนอื่นได้ แต่รู้อยู่แก่ใจ หลอกตัวเองไม่ได้หรอกลูก
ดีโด้          ก็ดีโด้ไม่อยากได้ศูนย์นี่
แม่            ไม่อยากได้ศูนย์  ก็ไม่ยาก ดีโด้ทำได้ แม่เชื่อ  จำได้ไหม คนเราอยากจะเก่งเราทำได้  ทำยังไง จำได้ไหม
ดีโด้          ไม่รู้ซิ
แม่            ก็ที่แม่เคยบอกไง  ขยัน ฝึกฝน ทำซ้ำ ๆ ทำบ่อย ๆ  ถ้าดีโด้อยากทำข้อสอบได้คะแนนเยอะ ๆ ก็ต้องทำแบบนี้แหละ
ดีโด้          ก็ดีโด้ไม่อยากทำ
แม่            นั่นซิ   ดีโด้ไม่อยากทำ  อย่างนั้นก็ต้องยอมรับผลของการกระทำของลูกเอง
ดีโด้          ก็ดีโด้ไม่ชอบอ่านหนังสือ ไม่ชอบเขียน มันน่าเบื่อนี่
แม่            แม่เข้าใจ  ว่าดีโด้ชอบเล่นชอบสนุก ก็ธรรมดาแหละลูก ก็ลูกยังเป็นเด็ก   เด็กก็ต้องชอบเล่น ชอบสนุกเป็นธรรมดา
ดีโด้          แล้วถ้าสอบจริง ล่ะ
แม่            หมายถึง ว่าถ้าสอบจริง ๆ แล้วลูกได้ศูนย์คะแนนเหรอ 
ดีโด้          ใช่
แม่            อืม....แม่ก็ไม่ว่าอะไรนะ  ไม่ใช่ปัญหาของแม่นี่นา  ปัญหาของหนู  
ดีโด้          อย่าเรียกว่า หนู ได้ไหม ดีโด้ไม่ชอบ
แม่            จ้าๆๆ ก็แม่ลืมนี่นา ก็เรียกแบบนี้มันชินแล้ว แล้วได้ศูนย์คะแนนดีโด้รู้สึกยังไง
ดีโด้          ไม่ชอบ
แม่            ไม่ชอบ แล้วรู้สึกอายเพื่อน อายครูด้วยไหม หรือยังไง
ดีโด้          อายด้วย
แม่            นั่นซิ......ลูกไม่ชอบได้ศูนย์คะแนน  รู้สึกอายเพื่อนและครู  อย่างงั้นน่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง
ดีโด้          ขยัน ทำซ้ำ ๆ ทำบ่อย ๆ
แม่            ใช่  ลูกรู้   เหลือแค่ลูกลงมือทำเนอะ
ดีโด้          เฮ้อ.....เบื่อเรียนจริงๆ  อยากเกิดเป็นแม่บ้างจะได้ไม่ต้องไปโรงเรียน
แม่            ฮ่าๆๆ   แม่เองเมื่อตอนเป็นเด็กก็คิดแบบนี้แหละ  อยากจะเป็นผู้ใหญ่เร็ว ๆ จะได้ไม่ต้องเรียน  แต่พอเป็นผู้ใหญ่จริง ๆ แล้ว กลับรู้สึกว่าอยากกลับไปเรียน อยากกลับไปเป็นเด็กๆ อีก   ไว้ดีโด้โตขึ้นก็รู้เองแหละ  เอาเป็นว่าตอนนี้เราอยู่กับปัจจุบันก่อนเนอะ

                จากนั้นก็ทำตามสัญญานิทานพิเศษ และนอนกอดกันเช่นเคยเหมือนทุกวัน    
                ด้วยลูกแม่ดาวนั้นปกติ เขาจะเป็นเด็กที่อยากเป็นที่รัก อยากเป็นที่ 1 ในสายตาคนอื่น ๆ รอบ ๆ ตัว มักกดดันตัวเองบ่อย ๆ ถึงไม่มีใครกดดันฮ่าๆๆๆๆ   เป็นเด็กคิดมาก ชอบคิดตีความตามประสา  เด็กบางคนอาจไม่รู้สึกอะไรมากกับเรื่องการวัดผล แต่ลูกแม่ดาวไม่ชอบเลย ไม่ชอบให้ใครว่าให้คะแนน ตัดสิน พิพากษา ประมาณนี้  ไม่ชอบการแข่งขัน เพราะกลัวจะแพ้ กลัวจะดูเป็นคนโง่ในสายตาคนอื่น ดังนั้นแม่ดาวจึงต้องหมั่นดูแลและรักษาดวงใจเสมอ ๆ ฮ่าๆๆๆ   การที่แม่ดาวได้พูดคุยแบบนี้ ช่วยให้ลูกผ่อนคลายความกังวล ความเครียดในเรื่องการเรียน การสอบไปได้ในระดับนึง  เมื่อเขารู้ว่าแม่เข้าใจ แม่ไม่โกรธ ไม่ตำหนิ  เขาก็อุ่นใจไปได้บางส่วน  อีกส่วนก็อยู่ที่ตัวเขาความคิดของเขา   แม่ดาวไม่คาดหวังว่าการพูดคุยแบบนี้จะกระตุ้นให้เขาเกิดความขยันหมั่นเพียรมากขึ้น  แค่เป็นการผ่อนคลายความเครียดให้ลูกแค่นั้น ส่วนเขาจะขยันหรือไม่ ก็สุดแล้วแต่   เป็นแม่เนี้ยต้องใช้สมองคิดเยอะเนอะ ว่าไหม



แม่ครับ ผมมีอะไรจะบอก แต่ไม่อยากบอก



        อ่านชื่อแล้วสงสัยกันไหมคะว่า เอ......มันเรื่องอะไรหนอ    วันนี้แม่ดาวมีเรื่องราวของลูกชายวัย 6 ขวบ  28 มิ.ย. นี้ก็เต็ม 6 ขวบบริบูรณ์   อันที่จริงแต่ละวันเขามีเรื่องเยอะมากๆ   ทำให้แม่ดาวมีเรื่องมากมายที่จะนำมากระจายแบ่งปันฮ่าๆๆ  เอาล่ะ...เข้าเรื่องดีกว่าเนอะ  
        ณ  คืนหนึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา  เป็นช่วงเวลาก่อนที่จะนอนหลับ  ทุกคืนเราจะมีกิจกรรมเตรียมความพร้อมก่อนการเข้านอน ฮ่าๆๆ ไม่ว่าจะเป็นสวดมนต์ เล่านิทาน แบ่งปันเรื่องราวความสุข ความทุกข์ หรือเรื่องราวสารพัดที่อยากจะเล่าสู่กันฟัง  แม่ดาวก็ปิดไฟและกำลังกำลังจะนอนด้วยกัน จู่ ๆ ก็มีเสียง  ๆ หนึ่งดังขึ้น หลังปิดไฟ
ดีโด้          แม่ (เสียงแบบลาก ๆ เสียงนิดนึง) ดีโด้มีเรื่องอะไรจะบอกแม่แหละ
แม่            ครับ....มีเรื่องอะไรจะบอกแม่เหรอ
ดีโด้          เอ่อ...........ไม่เอา  ไม่บอกดีกว่า มันเป็นเรื่องไม่ค่อยดีเท่าไหร่
แม่            (พูดแบบนี้ ยิ่งอยากจะรู้นะเนี้ย)  อ้าว.......เป็นงั้นไป  ดีโด้บอกว่า มีเรื่องอยากบอกแม่ไง  ตกลงอยากบอกแม่ไหม
ดีโด้          อยากบอก แต่ไม่อยากบอก
แม่            อ๋อ......ใจหนึ่งก็อยากจะบอกแม่  แต่อีกใจก็ไม่อยากจะบอกแม่เนอะ  นั่นซินะ คงเป็นเรื่องที่พูดยากมากเลยนะเนี้ย
ดีโด้          ใช่.....เล่าแล้วกลัวแม่ดุ  กลัวแม่เสียใจด้วย  เป็นเรื่องไม่ดี
แม่            อืม.....แล้วปกติ เวลาลูกทำอะไรผิด แม่ดุลูกมากเลยเหรอ
ดีโด้          ไม่เลย แม่ใจดี แม่ไม่ค่อยดุ แต่บางทีก็มีบ้างนะ
แม่            นั่นซิ ......แม่คิดว่าแม่สามารถรับฟังลูกได้ทุกเรื่องนะ และสัญญาว่าแม่จะไม่ดุเลย จะรับฟังดี ๆ เชื่อใจแม่ไหม
ดีโด้          ดีโด้ก็อยากบอก แต่ไม่อยากบอกนี่
แม่            อืม.........เอาแบบนี้ไหม เรามาผลัดกันเล่าเรื่อง  ลูกเล่าเรื่องของลูก  แม่จะเล่านิทานพิเศษก่อนนอนเพิ่มให้วันนี้  (ปกติแค่ไหนแค่นั้นตามตกลงกันก่อนเข้านอน)    (โน้มน้าวใจไม่ได้ผล งั้นต้องล่อใจ)
ดีโด้          อืม... ก็ได้ ขอ 2 เรื่องได้ไหม
แม่            ได้ สบายมาก ไม่มีปัญหา (ได้ผล อิอิ)
ดีโด้          วันนี้ชั่วโมงเรียนภาษาอังกฤษ มีการสอบแหละ
แม่            อืม...สอบภาษาอังกฤษเนอะ
ดีโด้          เอ๊ะ....ไม่ใช่ ๆ ไม่ใช่การสอบ แต่ครูบอกว่าเป็นการทดสอบ
แม่            อ๋อ...ทดสอบเนอะ
ดีโด้          ใช่  แล้วดีโด้ทดสอบได้  0  (คะแนน) 
แม่            ได้ 0 เหรอลูก อืม..ข้อสอบคงยากมากเลยเนอะ
ดีโด้          ก็ยากนิดหน่อย  ทำได้บางข้อ  แต่ว่าที่ได้ศูนย์ เพราะดีโด้ลอก
แม่            ลอกเพื่อนข้าง ๆ เหรอลูก
ดีโด้          เปล่า  ไม่ได้ลอกเพื่อน แต่ลอกสมุดตัวเอง แต่คุณครูห้ามเปิดดู  แต่ดีโด้ทำไม่ได้ก็เลยเปิด
แม่            อืม...แล้วสอบอะไร ยังไงเหรอ เช่น สอบเขียนคำว่าอะไร สอบเติมคำ ข้อสอบเป็นแบบไหนลูก
ดีโด้          ก็สอบเขียนคำ
แม่            อ๋อ...เขียนคำที่ลูกเรียนผ่านมาแล้วแบบนี้ใช่ไหม เช่น cat bat rat
ดีโด้          ใช่ ๆ  มีคำพวกนี้ด้วย
แม่            เอ...แต่คำพวกนี้ลูกก็เขียนได้นี่นา แม่จำได้ ว่าลูกเขียนได้
ดีโด้          ก็เขียนได้ที่แม่บอก แต่คำอื่น ๆ เขียนไม่ได้ 
แม่            อ๋อ....ก็เลยอดใจไม่ไหวแอบเปิดดูหนังสือ
ดีโด้          ใช่ๆ  (เสียงระรื่นเลย)  แม่ไม่เสียใจเหรอ ดีโด้ได้ศูนย์

แม่            ไม่เสียใจที่ดีโด้ได้ 0  แต่เสียใจที่ดีโด้ไม่ซื่อสัตย์  แม่ว่าครูเองก็คิดแบบแม่นะ 
ดีโด้          ดีโด้ขอโทษ ก็มันทำไม่ได้นี่นา
แม่            ถึงแม่จะเสียใจเรื่องลูกไม่ซื่อสัตย์ แต่แม่มีก็มีเรื่องดีใจนะ
ดีโด้          ดีใจเรื่องอะไร
แม่            ก็เรื่องที่ลูกกล้าหาญไง  กล้าที่จะบอกกับแม่ กล้าที่จะพูดให้แม่ฟัง ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องที่ลูกเองก็ลำบากใจมากเนอะ   กล้าหาญนั้นดีแล้ว  อย่าลืมเรื่องความซื่อสัตย์ด้วยนะลูก
ดีโด้          คราบ (ลากเสียงยาน)   แต่แม่ไม่ต้องเสียใจเรื่องศูนย์นะ ดีโด้แก้ตัวเลขเองแล้ว ครูให้ศูนย์แล้วดีโด้ก็ให้คะแนนตัวเองเต็มเลย (พูดแบบครึกครื้น) 
แม่            ดีโด้ครับ ต่อให้ลูกจะเขียนแก้เลข   ลบออก ยังไงซะความจริงก็คือความจริง  ลูกหลอกคนอื่นได้ แต่รู้อยู่แก่ใจ หลอกตัวเองไม่ได้หรอกลูก
ดีโด้          ก็ดีโด้ไม่อยากได้ศูนย์นี่
แม่            ไม่อยากได้ศูนย์  ก็ไม่ยาก ดีโด้ทำได้ แม่เชื่อ  จำได้ไหม คนเราอยากจะเก่งเราทำได้  ทำยังไง จำได้ไหม
ดีโด้          ไม่รู้ซิ
แม่            ก็ที่แม่เคยบอกไง  ขยัน ฝึกฝน ทำซ้ำ ๆ ทำบ่อย ๆ  ถ้าดีโด้อยากทำข้อสอบได้คะแนนเยอะ ๆ ก็ต้องทำแบบนี้แหละ
ดีโด้          ก็ดีโด้ไม่อยากทำ
แม่            นั่นซิ   ดีโด้ไม่อยากทำ  อย่างนั้นก็ต้องยอมรับผลของการกระทำของลูกเอง
ดีโด้          ก็ดีโด้ไม่ชอบอ่านหนังสือ ไม่ชอบเขียน มันน่าเบื่อนี่
แม่            แม่เข้าใจ  ว่าดีโด้ชอบเล่นชอบสนุก ก็ธรรมดาแหละลูก ก็ลูกยังเป็นเด็ก   เด็กก็ต้องชอบเล่น ชอบสนุกเป็นธรรมดา
ดีโด้          แล้วถ้าสอบจริง ล่ะ
แม่            หมายถึง ว่าถ้าสอบจริง ๆ แล้วลูกได้ศูนย์คะแนนเหรอ 
ดีโด้          ใช่
แม่            อืม....แม่ก็ไม่ว่าอะไรนะ  ไม่ใช่ปัญหาของแม่นี่นา  ปัญหาของหนู  
ดีโด้          อย่าเรียกว่า หนู ได้ไหม ดีโด้ไม่ชอบ
แม่            จ้าๆๆ ก็แม่ลืมนี่นา ก็เรียกแบบนี้มันชินแล้ว แล้วได้ศูนย์คะแนนดีโด้รู้สึกยังไง
ดีโด้          ไม่ชอบ
แม่            ไม่ชอบ แล้วรู้สึกอายเพื่อน อายครูด้วยไหม หรือยังไง
ดีโด้          อายด้วย
แม่            นั่นซิ......ลูกไม่ชอบได้ศูนย์คะแนน  รู้สึกอายเพื่อนและครู  อย่างงั้นน่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง
ดีโด้          ขยัน ทำซ้ำ ๆ ทำบ่อย ๆ
แม่            ใช่  ลูกรู้   เหลือแค่ลูกลงมือทำเนอะ
ดีโด้          เฮ้อ.....เบื่อเรียนจริงๆ  อยากเกิดเป็นแม่บ้างจะได้ไม่ต้องไปโรงเรียน
แม่            ฮ่าๆๆ   แม่เองเมื่อตอนเป็นเด็กก็คิดแบบนี้แหละ  อยากจะเป็นผู้ใหญ่เร็ว ๆ จะได้ไม่ต้องเรียน  แต่พอเป็นผู้ใหญ่จริง ๆ แล้ว กลับรู้สึกว่าอยากกลับไปเรียน อยากกลับไปเป็นเด็กๆ อีก   ไว้ดีโด้โตขึ้นก็รู้เองแหละ  เอาเป็นว่าตอนนี้เราอยู่กับปัจจุบันก่อนเนอะ

                จากนั้นก็ทำตามสัญญานิทานพิเศษ และนอนกอดกันเช่นเคยเหมือนทุกวัน    
                ด้วยลูกแม่ดาวนั้นปกติ เขาจะเป็นเด็กที่อยากเป็นที่รัก อยากเป็นที่ 1 ในสายตาคนอื่น ๆ รอบ ๆ ตัว มักกดดันตัวเองบ่อย ๆ ถึงไม่มีใครกดดันฮ่าๆๆๆๆ   เป็นเด็กคิดมาก ชอบคิดตีความตามประสา  เด็กบางคนอาจไม่รู้สึกอะไรมากกับเรื่องการวัดผล แต่ลูกแม่ดาวไม่ชอบเลย ไม่ชอบให้ใครว่าให้คะแนน ตัดสิน พิพากษา ประมาณนี้  ไม่ชอบการแข่งขัน เพราะกลัวจะแพ้ กลัวจะดูเป็นคนโง่ในสายตาคนอื่น ดังนั้นแม่ดาวจึงต้องหมั่นดูแลและรักษาดวงใจเสมอ ๆ ฮ่าๆๆๆ   การที่แม่ดาวได้พูดคุยแบบนี้ ช่วยให้ลูกผ่อนคลายความกังวล ความเครียดในเรื่องการเรียน การสอบไปได้ในระดับนึง  เมื่อเขารู้ว่าแม่เข้าใจ แม่ไม่โกรธ ไม่ตำหนิ  เขาก็อุ่นใจไปได้บางส่วน  อีกส่วนก็อยู่ที่ตัวเขาความคิดของเขา   แม่ดาวไม่คาดหวังว่าการพูดคุยแบบนี้จะกระตุ้นให้เขาเกิดความขยันหมั่นเพียรมากขึ้น  แค่เป็นการผ่อนคลายความเครียดให้ลูกแค่นั้น ส่วนเขาจะขยันหรือไม่ ก็สุดแล้วแต่   เป็นแม่เนี้ยต้องใช้สมองคิดเยอะเนอะ ว่าไหม