วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ปัญหา “ลูกชอบกรี๊ด” เวลาโกรธ หรือไม่พอใจ


        ไม่รู้มีครอบครัวไหนในที่นี้ เคยประสบปัญหานี้บ้างน้อ   แต่แม่ดาวได้ยินคนมาปรึกษาปัญหานี้กันบ่อย ๆ  ทั้งจากผ่านทาง Face book  หรือจากการปรีกษาปัญหาโดยตรง  ออกตัวอย่างแรงอีกนิดนะคะ  อย่าลืม  แม่ดาวไม่ใช่ผู้ที่ศึกษาเรียนจบมาเกี่ยวกับด้านนี้แต่อย่างใด  วุฒิการศึกษาที่จบมาคือ ปริญญาตรีเกี่ยวกับบริหารธุรกิจการตลาด  มีเรียนหลักจิตวิทยาเบื้องต้นมาบ้างนิดหน่อย แต่ก็นานมากแล้ว  ปัจจุบันสิ่งที่รู้สะสมมาจากการศึกษาเพิ่มเติมนอกห้องเรียน และเรียนรู้จากประสบการณ์การเป็นแม่ครั้งแรกของตัวเอง และคาดว่าน่าจะมีลูกเพียงคนเดียวด้วยนะคะ  

        คือ ปรึกษา พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เป็นแนว ๆ แม่ ๆ คุยกัน แบบสบาย ๆ อย่าจริงจังอะไรกับแม่ดาวมากนัก  และล่าสุดเมื่อสักประมาณ 3 วันก่อน ก็มีผู้ปกครองท่านนึงโทร.มาคุยกันเรื่อง เด็กข้าง ๆ บ้านกรี๊ด แล้วคุณยายมาปรึกษาว่าจะทำยังไง  คือคุยกันหลายเรื่องและมาจบที่เรื่องนี้

        แม่ดาวก็แนะนำไปตามความคิดว่า  หากเด็กกรี๊ด เวลาโกรธ 

        1.  กอด   ให้ผู้ปกครองท่านที่อยู่ด้วยกอดเด็กเอาไว้ แต่ต้องกอดแบบที่ตัวผู้ปกครองเองต้องสงบ ใจเย็น และเข้าใจความรู้สึกของเขาอย่างแท้จริง  หากเราสงบแล้วกอดสักพักพอเขาระบายความโกรธ ความเครียดนั้นออก เขาก็จะสงบได้เอง ระหว่างกอดไม่ต้องพูดอะไรมากมายนัก สั้น ๆ พอเช่น “แม่เข้าใจนะคะว่าลูกโกรธมาก”  เอาไว้พอเขาสงบแล้วเราค่อยสอนเขาประมาณว่า
        -หากเวลาที่ลูกโกรธ แล้วร้องไห้ แม่ก็พอจะเข้าใจและยอมรับได้  แต่แม่ไม่ชอบให้ลูกส่งเสียงกรี๊ดเวลาลูกโกรธเลย แม่เป็นห่วงกลัวลูกเจ็บคอ เดี๋ยวคออักเสบนะ   
        - ทางที่ดีคือ เวลาที่ลูกโกรธ แม่อยากให้ลูกพูดกับแม่ บอกแม่ว่าลูกโกรธ และโกรธเรื่องอะไร  แม่จะได้เข้าใจและรับรู้ได้ หากแค่ร้องไห้หรือกรี๊ด แม่ก็ไม่เข้าใจว่าลูกโกรธเพราะอะไร  หรือลูกเป็นอะไร บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
        - หรือลูกคิดว่า  ลูกจะทำยังไง เวลาที่ลูกโกรธ ที่ไม่ใช่การร้องไห้หรือกรี๊ด มีความคิดเห็นเหมือนแม่ หรือว่ามีความคิดเห็นอย่างอื่นค่ะ แม่พร้อมจะฟังนะคะ

        2.  Take a break  วิธีนี้เคยอธิบายไปแล้วในบทความบทลงโทษ เมื่อลูกกระทำผิด  วิธีการคือพาเด็กไปในจุดที่สงบ และบอกลูกว่า "ลูกโกรธมากแล้ว ลูกต้องพักสงบสติอารมณ์สักพักนะคะ"  เช่นอาจจะเป็นเก้าอี้  หรือมาไปอยู่มุมใด มุมหนึ่งของบ้านที่ต้องไม่มีสิ่งเร้าอารมณ์ใด ๆ อยู่นะคะ เช่นไม่มีทีวี ไม่มีของเล่น  มุมที่ว่างเปล่า รู้สึกสงบ พอที่จะให้เขาได้อยู่กับตัวเองสักพักเพื่อสงบสติอารมณ์ และเด็กเขาจะเป็นผู้กำหนดเวลาของเขาเอง คือ เมื่อไหร่ที่เขาพร้อม กลับมาได้เลย เรารออยุ่ ไม่ใช่เพราะเราสั่งเขาว่าต้องนั่งนานกี่นาที  หรืออาจจะเป็นตัวเราก็ได้ที่จากไป บอกเขาว่า หากลูกพร้อมจะคุยกับแม่เมื่อไหร่เดินมาหาแม่นะคะ แม่จะรออยู่ตรงนี้  คือบางที่ก็ไม่มีมุมแบบนั้นเนอะ  ก็คงต้องปล่อยให้เขาอยู่กับตัวเองสักพัก  แต่อยากให้พาออกไปจากจุดเกิดเหตุก่อนนะคะ   เข้าใจเนอะ  ณ จุดเกิดเหตุเนี้ย สภาพแวดล้อมตรงนั้นมันจะคอยกระตุ้นอารมณ์ เขาเห็น แล้วเขาก็สงบยาก   

        3.  เบี่ยงเบนความสนใจ  อันนี้ตอนลูกแม่ดาวเล็ก ๆ ทำบ่อย  โน่น ๆ .......เครื่องบิน ลำใหญ่ บินผ่านมาแล้ว โน้นไง....... ถ้ามีนะ  หรือไม่ก็อะไรก็ได้ที่เห็นแถว ๆ นั้น แล้วคิดว่าจะเอามาสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของลูกได้  คือ ย้ายจิตลูกจากสิ่งที่ทำให้โกรธ  ไปอยู่กับสิ่งใหม่ที่เขาน่าจะสนใจมากกว่า

        เราไม่จำเป็นต้องพูด สอน    ตอนนั้น ที่เกิดอาการกรี๊ด  ทิ้งช่วงไว้ให้เขาสบาย ๆ  ผ่อนคลายก่อนค่อยพูด ค่อยสอนได้ค่ะ   หลาย ๆ ปัญหาของลูกแม่ดาว  บางเรื่องแม่ดาวจะทิ้งไว้จนลูกเย็นใจ   เช่นเรื่องเกิดตอนเช้า  เอามาคุยกันตอนก่อนนอน  เด็กเขาความจำดีจะตาย  บางเรื่องนานมากจนเราลืมไปแล้ว เขายังสามารถจดจำรายละเอียดได้ครบถ้วน

        สามีแม่ดาวแอบตลกเจ็บ บอกว่า ไม่ได้ มันต้องรีบสอน รีบบอก อย่างหมาเนี้ย เวลาที่กัดรองเท้าเล่น ต้องใช้รองเท้าตีปากหมาทันที มันจะได้จำ  เอ่อ.......สามีค่ะ ลูกของเราเป็นคนนะคะไม่ใช่สุนัข อิอิ
       
         ณ ตอนนี้  เวลานี้ คิดออกแค่นี้ค่ะ    ทุกท่านต้องพิจารณาตามพัฒนาการ วัย และนิสัยของลูกท่านเองด้วย  แค่เสนอ ๆ พอเป็นแนวทาง นะคะ ที่สำคัญ อย่าลืมนะ ตัวเราต้องอารมณ์ปกตินะค่ะ
   

คุณคือจิตแพทย์ของลูก (3)


        มาถึงภาคจบกันแล้วนะคะ  กับตอนสุดท้ายในหัวข้อ “หมั่นคอยดูแลและรักษาดวงใจ” ร้องกันเป็นเพลงได้เลยนะเนี้ย  ขั้นตอนนี้คือการติดตาม สังเกตุ ความรู้สึกและพฤติกรรมที่แสดงออกมาของลูก และต้องทำแบบเนียน ๆ อย่าให้ลูกจับได้ ว่าเราเผ้าระวัง สังเกตุการณ์อยู่  ดำเนินชีวิตร่วมกันอย่างปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้  ซึ่งก็ไม่ยากสำหรับแม่ดาวนะในเรื่องนี้ 

        หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านไป  แม่ดาวก็ยังเห็นความผิดปกติที่อยู่ในใจลูกอยู่ดี  ถึงเขาจะเหมือนร่าเริงได้ตามปกติ พูดคุยเจื้อยแจ้วแล้วก็ตาม แต่ก็เหมือน ๆจะมีอะไรบางอย่างคาใจ สิ่งที่ไม่ควรทำคือ การไปตอกย้ำกับบาดแผลเดิมในใจลูกเช่น การซักถามเหตุการณ์นั้นไม่รู้จบ  พูดซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ   คิดมาก ๆ ก่อนจะพูด  บางเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลย แต่พอมีใครพูดถึงกรณีคล้าย ๆ กัน ก็ไปเกิดสะกิดแผลในใจทันที และเห็นชัดเลย ว่าเขายัง “เจ็บ”มาก  

        แต่ให้คอยเยียวยารักษา บรรเทาดูตามอาการ หมั่นใส่ยาใจให้เรื่อย ๆ เช่น เห็นเขาแสดงอาการเจ็บแผลที่ใจ  แม่ดาวก็จะ หยอกแบบสนุกสนาน  คือบางทีเขาก็เหม่อลอยบ้าง  โดยการร้องเพลงแซว โดยใช้เพลงของแอม เสาวลักษณ์ แต่เสียงร้องเลียนแบบ อัสนีวสันต์ บ้าง เป็นเสียงแม่ดาวโหยหวนบ้าง เรียกว่าเอาขำ เน้นขำ ๆ เปลี่ยนอารมณ์

       เป็นอะไรไปหรือ เหมือนเธอมีเรื่องในใจ มีอะไรใช่ไหม ฉันเพียงต้องการรู้
        อย่างน้อยแต่ก่อนแต่ไร เคยเข้าใจกันอยู่แต่แล้วดู ๆ เหมือนว่าเธอเปลี่ยนไป
        หรือว่าเป็นที่ฉัน ฉันทำอะไรไม่ดี คงจะมีสักที ที่เธออาจผิดหวัง
        บอกฉันสักหน่อยได้ไหม ให้ได้รู้กันบ้าง หากแม้ว่าเธอยังเห็นแก่ความสัมพันธ์
        อย่าทำอย่างนี้ เหมือนคนที่ไม่เคยมีใจ  หากฉันพลาดไป น่าจะปรับความเข้าใจกับฉัน
        อย่าทำเมินเฉยเหมือนคนที่ไม่เคยผูกพันธ์  ก็เรารัก รักกัน จำได้ไหมเธอ 
        ก็เรารัก รักกัน จำได้ไหมเธอ 

        ขำมาจนแทบจะจบเพลง   แต่ท่อนสุดท้ายเปลี่ยนเป็นอบอุ่นปนซึ่ง สื่อความรู้สึกของเราออกไป แม่ดาวจะกอดลูก แล้วมองตาเขา และร้องท่อน “ก็เรารัก รักกัน จำได้ไหมเธอ”  ได้ผลเกินคาดแฮะ....ลูกชอบมาก ขำกระจาย  และกับตอนท้ายที่เราจบแบบซึ่ง ๆ เขาก็ดูจะอินไปกับเราด้วย  การร้องเพลงเวลาที่ลูกอารมณ์ บ่ จอยเนี้ย แม่ดาวทำบ่อย ๆ ได้ผลดีมากๆ   ดีโด้เขาชอบแม่ตลก ๆ  หากเห็นภาพตอนที่แม่ดาวร้องใครเห็นก็คงต้องขำ แม่ดาวเองยังขำตัวเอง คิดในใจแหม....ทำไปได้ ฮ่าๆๆ   ระหว่างวันก็จะมีกระตุกต่อมฮากันไปเรื่อย ๆ สร้างบรรยากาศความสุขให้ครุกรุ่น แต่ปกติก็ทำบ่อย ๆ นะคะ  ลูกเลยไม่เห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น  ปกติก็ขำ ๆ แบบนี้เสมอ ๆ   

        ตอนแรกนะ จะบอกว่าแม่ดาวนึกถึงเพลงล้างใจ ของอนันต์ บุญนาคแหละ แต่ประมวลผลแล้วเพลงเนี้ยไม่เหมาะ ไปเพ่งโทษที่คนอื่น ไม่ได้มองที่ตัวเราเอง  ใครนึกไม่ออกไปลองหาฟังกันนะคะ   เพลงพี่แอมเนี้ยที่สุดแล้วเหมาะที่สุด

        ก่อนเข้านอนหากไม่ผิดแผนก็จะมีการสวดมนต์  มีขั้นตอนการขออโหสิกรรม และให้อโหสิกรรมกับผู้อื่นด้วย ขึ้นตอนนี้ดีมากนะคะ เวลาเขามีอะไรขุ่นเคืองใจ เรามักจะกล่าวนำเล็กน้อย ให้เขาระลึกถึง และให้ขออโหสิกรรม และเป็นผู้ให้อโหสิกรรมแก่ผู้อื่นด้วย  พวกนี้แม่ดาวมีการปูพื้นความเข้าใจไว้หมดแล้วนะคะ หากใครอยากจะลองนำใช้บ้างควรอธิบายให้ลูกเข้าใจสักนิดว่ามันคือการทำอะไร   

        หลังจากนั้นก็แผ่เมตตา  เล่านิทาน แล้วก็ปิดไฟนอน หลังจากปิดไฟ (แต่กทม. ปิดไฟยังไง ก็สว่างอยุ่ดีอ่ะ) ก็มีการนอนคุยกันตามประสาแม่ ๆ ลูก ๆ ช่วงนี้แหละที่เขาจะผ่อนคลายและพร้อมรับเรื่องราวต่าง ๆ ได้เยอะ (สำหรับลูกแม่ดาวนะคะ)  หลังจากผ่าใจกันไปแล้ว ก็มาเจาะใจ สอนให้เขามองความคิดตัวเอง ดูใจตัวเองว่าเป็นอย่างไร  โดยเราเป็นผู้นำทำให้เขาเห็น

แม่            ดีโด้ครับ  ลองหลับตาดูซิหัวใจของดีโด้สีอะไร  

ดีโด้          สีแดง  (ตอบสวนคำถามทันควัน)

แม่            สีแดงเหรอลูก  เดี๋ยวแม่ขอหลับตาดูหัวใจของแม่ก่อนนะว่าวันนี้หัวใจของแม่สีอะไรน้อ (หลับตาสักพัก ก็ลืมตามาบอกลูก )  หัวใจของแม่สีขาวนะ   แต่แม่สังเกตุเห็นด้วยนะว่า หัวใจของแม่เนี้ยมีจุดดำ ๆ เล็ก ๆ 1 จุดแหละ

ดีโด้          แม่ครับแม่  ขอดีโด้หลับตาดูหัวใจตัวเองใหม่อีกครั้งนะ   (เห็นแม่ทำ ทำบ้าง เลียนแบบเลย)  แม่ครับดีโด้เห็นหัวใจดีโด้สีขาวเหมือนกัน แต่เห็นจุดดำ ๆ ใหญ่ ๆ  3 จุด

แม่ดาวคิดในใจ โอ๊ะ...มีตั้ง 3 จุด แปลว่า มี 3 เรื่องที่เก็บไว้เหรอเนี้ย หรือจะแค่คำพูดตามจินตนาการของเด็ก ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีมูลแหละนะ  เริ่มบทสนทนาต่อ

แม่            อืม....หัวใจดีโด้สีขาวเหมือนแม่เลยเนอะ  แต่มีจุดสีดำมากกว่าแม่กี่จุดครับ

ดีโด้          2 จุด 

แม่            ใช่ มีมากกว่าแม่ตั้ง 2 จุด เอ....เราเข้าไปดูกันไหมว่า จุดสีดำที่ว่าเนี้ยเกิดจากอะไร ดีโด้ช่วยมาดูที่ใจของแม่ก่อนนะ ผลัดกันดู ดูไปพร้อม ๆ กันนะครับ ดีไหม

ดีโด้          ดี ๆ (แสดงอาการตอบรับร่วมมือเป็นอย่างดี)

แม่            ดีโด้หลับตานะ แม่ก็จะหลับตา  หลับตาแล้ว เราจะค่อย ๆ เข้าไปดูใจของเราไปด้วยกัน  ส่งมือมาให้แม่จับนะ  (แล้วก็แกล้งจับผิดเป็นจับขาลูก ปล่อยมุขเล็ก ๆ ดีโด้ขำกระจาย)

ดีโด้          นี่มันขาแล้วแม่ ไม่ใช่มือ

แม่            อ้าว....ก็หลับตาอยู่นี่จะรู้ได้ไงล่ะลูก  ไหน ๆ หนูส่งมือมาให้แม่ซิ  (จับมือกับลูก)   
                Are you ready?

ดีโด้          Yes
.
แม่            Let’ s  go……เรามาถึงจุดหมายแล้วนะครับ  ดีโด้เห็นหัวใจแม่ไหม

ดีโด้          เห็น  

แม่            หัวใจแม่สีอะไรครับลูก

ดีโด้          สีขาว

แม่            เห็นจุด ๆ ดำ ๆ เล็ก ๆ หรือยัง

ดีโด้          ไม่เห็น

แม่            อ้าว....นั่นไง จุดสีดำเล็ก ๆ ตรงนั้นน่ะ ใกล้ ๆ กับประตูหัวใจแม่ (สร้างจินตนาการ และใช้จินตนาการของเด็ก)

ดีโด้          เห็นแล้วแม่ จุดสีดำ 

แม่            เห็นแล้วนะ  ไปเข้าไปดูกันใกล้ ๆ เข้าไปให้ถึงต้นตอสาเหตุว่า สีดำ ๆ เนี้ย คืออะไร
ดีโด้ดูจะตั้งใจและให้ความร่วมมือมาก 

แม่            อ๋อ.....รู้แล้ว  จุดสีดำเนี้ย เกิดจากที่แม่โกรธป๊า  ป๊าดุแม่ เรื่องแม่ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เก่งเหมือนป๊า แม่เห็นป๊าทำหน้าดุ หน้าเป็นยักษ์เลย เสียงก็ดุด้วยแหละ  (เรื่องนี้ดีโด้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเลยเข้าใจได้ดี)

ดีโด้          ใช่  ดีโด้ก็โกรธป๊าด้วย  ป๊าดุแม่ ดีโด้ไม่ชอบ
แม่            เอ้ย.....ดูใจแม่ก่อนดิ  ทีละคน แซงคิวนี่นาลูก (พูดพร้อมกระตุกมือลูกให้รู้สึก) มา ๆ ดูกันต่อ

ดีโด้ขำๆกลิ้งอีก

 แม่           ที่นี้นะ  แม่จะพาดีโด้ทะลุไปอีกที่เลย ไปที่ใจป๊าเลยดีไหม อยากเห็นใจของป๊าไหมว่าสีอะไร

ดีโด้          เอา ๆ 

แม่            พร้อมไหม...ไปเลย... ...ตอนนี้เรามาถึงที่หัวใจป๊าแล้วลูก แม่เห็นหัวใจป๊าสีขาวแหละ ดีโด้เห็นว่าหัวใจป๊าสีอะไร

ดีโด้          สีดำ   หัวใจป๊าไม่ใช่สีขาว หัวใจป๊าสีดำ

แม่            อ้าว.....มือหลุดนี่ หลงทางหรือเปล่าลูก สงสัยจะหลงทาง มา ๆ จับมือแม่ดี ๆ แน่น ๆ เดี๋ยวหลุดแล้วหลงทางอีก  (คือมือหลุดจริง ๆ แล้วก็จับมือใหม่)  มา ๆ ค่อย ๆ เข้ามาดู ไหนดูใหม่ซิเห็นหัวใจป๊าสีอะไร

ดีโด้          จริง ๆ ด้วยแม่  สีขาว  สงสัยเมื้อกี้เดินทะลุหลงไปบ้านพี่เอย  (พี่สาวห้องข้าง ๆ ) 

แม่            หากเราดูที่ภายนอก  หน้าตาป๊าเนี้ย ดุเหมือนยักษ์เลยเนอะ ดีโด้ว่าไหม

ดีโด้          ใช่....ดุมาก เหมือนยักษ์เลย  เสียงก็ดุด้วย (ชัดเจนกับความรู้สึกมาก ฮ่าๆๆ)

แม่            พอเราค่อย ๆ เข้ามาดูภายในหัวใจป๊า จริง ๆ แล้ว ข้างในใจป๊าสีขาว  ป๊ารักและหวังดี  แต่วิธีการเนี้ยอาจแสดงออกมาต่างกัน  ป๊าอยากให้แม่เก่ง  แต่แม่เนี้ยก็เก่งไม่ได้ดังใจเนอะ  ป๊าก็เลยหงุดหงิด ดุแม่  อยากจะกระตุ้นให้แม่เก่งเร็ว ๆ  แต่แม่ก็หงุดหงิดตอบ โกรธป๊าแทน เพราะคิดว่าป๊าไม่พอใจแม่   ที่ไหนได้ ป๊าเขารักและหวังดีกับแม่นะเนี้ย  อ๋อ....เข้าใจแล้ว หายโกรธป๊าแล้ว  โอ๊ะ....จุดสีดำหายไปด้วยเลย ตอนนี้หัวใจแม่สีขาวผ่อง ขาวโอโม่เลย  (ดีโด้ก็ขำ ๆ อีก)

แม่            มาแม่ล้างใจของแม่สะอาดแล้ว   ไปดูที่ใจดีโด้กันดีกว่าเนอะ

ดีโด้เริ่มดึงมือออก แสดงอาการต่อต้าน เหมือนไม่อยากให้เข้าไปรับรู้ความรู้สึกร่วมกัน

แม่            อ้าว.....ขี้โกงนี่นา  ไหนบอกผลัดกัน แลกกันดูไง ทีดีโด้ยังเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว หัวใจของแม่ได้เลย  แม่อนุญาติเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนพิเศษ คำสำคัญของแม่เลยนะเนี้ย  แสดงว่าแม่ไม่ใช่คน
พิเศษของดีโด้ ไม่ใช่คนสำคัญของลูกใช่ไหมครับลูก

ดีโด้          ไม่ใช่  แม่เป็นคนพิเศษ คนสำคัญของดีโด้แหละ  แต่ว่าดีโด้ขอลบมันออกเอง

แม่            อืม.....งั้นแค่ขอเข้าไปดูนิดหน่อยได้ไหม

ดีโด้          (คิดหนักสักพัก)    ก็ได้

แม่            ดีใจจังแม่เป็นคนพิเศษของดีโด้ ได้เข้าไปดูข้างในหัวใจของลูกด้วย ไปจับมือกัน (ทำแบบเดิม จนไปถึงข้างในใจ)

แม่            โอ้โห....ใจใหญ่ซะด้วยนะเนี้ย  หัวใจสีขาวด้วย แต่มีจุดดำ ๆ เนอะ

ดีโด้          ใช่   

แม่            ขออนุญาติดีโด้พาแม่ไปดูจุดดำสักจุดได้ไหมครับ

ดีโด้          ก็ได้ 

แม่            ไหน ๆ  ยังไงน้อ

ดีโด้          ดีโด้เห็นจุดดำอันนี้นะ มันเกิดจากป๊าดุแม่  ทำให้แม่เสียใจ  

        พูดตามเรา แต่คิดว่านี่คือสิ่งที่เขารู้สึกจริง ๆ เขาจะไม่ชอบเวลาที่ใครมาพูดหรือทำอะไรให้แม่ดาวไม่สบายใจ หรือกังวลใจ ถึงบางครั้งคนเหล่านั้นจะไม่ได้ทำร้ายจิตใจแม่ดาวโดยตรง แต่เขาเอาปัญหามาให้แม่ดาวช่วยแก้ไข หรือแค่ระบายความทุกข์ออก แต่ลูกไม่ชอบใจ บอกว่า ไม่ชอบให้แม่ฟังเรื่องความทุกข์คนอื่น ดีโด้ไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ  เราก็ต้องบอกเขาทุกครั้งว่า การที่แม่ฟังความทุกข์คนอื่น แม่ยอมรับว่าบางครั้งมันก็สร้างความทุกข์ใจให้กับแม่ได้บ้าง แต่ไม่ทุกครั้ง และหากแม่มีความทุกข์ใจแม่จัดการความทุกข์นั้นได้ไม่ยากเลย  แม่ดาวจะบอกลูกว่า การที่แม่ดาวได้สวดมนต์ นั่งสมาธินี่แหละคือวิธีการจัดการความทุกข์ของแม่ 

        แรก ๆ เขาก็ไม่ยอมรับเท่าไหร่  หลัง ๆ เขาก็เรียนรู้สังเกตุจากสิ่งที่เขเราทำให้เขาเห็น ว่าหากเรามีทุกข์ เราก็หายได้เอง และหายได้ไม่ยากเลยจริง ๆ  สิ่งที่แม่ดาวทำมันออกมาจากความจริงใจ ไม่ได้เสแสร้างแกล้งว่าไม่เป็นทุกข์  แม่ดาวจะยอมรับกับลูกหากลูกถามว่าเราไม่สบายใจ หรือทุกข์ใจใช่ไหม   หากเราเป็นทุกข์เราก็ยอมรับ และบอกเขาว่าเราจะแก้ไขอย่างไรต่อไป  เป็นขั้นตอน  เขาก็เห็นตลอด   ดีโด้จะมีความไวต่อความรู้สึกนึกคิดของแม่ดาวมาก เรียกว่าสายสัมพันธ์ กระแสใจเชื่อมสายใยไร้สายถึงกันได้ตลอด ๆ และก็คงไม่แปลกที่ตัวแม่ดาวเองก็ไว้กับความรู้สึกลูกเช่นกัน  
 
        เราพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ เขายอมพาแม่ดาวไปดูจุดสีดำที่ 2 ขอไม่กล่าวถึง เดี๋ยวยาวไปใหญ่ เอาเป็นว่ามาจุดสุดท้าย จุดที่ 3  จุดนี้เขาขอเราว่า จุดนี้ใหญ่มาก ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเหตุการณ์นั้น เขาบอกว่าจุดนี้ เป็นหัวหน้าเลย แข็งแกร่งมาก จัดการได้ยากมาก เขาว่าอย่างนั้น  เขาขอแม่ดาวว่า
ดีโด้          ขอให้ดีโด้จัดการหัวหน้าใหญ่นี้เองนะแม่นะ   ดีโด้จะลบทิ้งออกจากใจด้วยตัวเองนะแม่นะ
แม่ดาวได้ฟังประโยคนี้เข้าใจได้เลยว่าลูกลำบากใจมากแค่ไหน  ไม่เซ้าซี้หรือซักถามแต่อย่างใดทิ้งท้ายไว้แค่ว่า

แม่            แม่คิดว่าแม่เข้าใจความรู้สึกลูกนะ ดีโด้คงลำบากใจที่จะบอกแม่ แต่ไม่เป็นไร  แม่คิดว่าลูกน่าจะจัดการเจ้าหัวหน้าใหญ่นี้ได้ตัวของลูกเอง  ลูกแม่เจ๋งอยู่แล้ว  หากลูกอยากให้แม่ช่วยอะไร  หรืออยากจะบอกแม่เรื่องไหนยังไง แม่พร้อมรับฟังทุกเรื่องและพร้อมจะช่วยทุกอย่างนะครับ

        จบแบบสวย ๆ  และหลังจากนั้นทุก ๆ วัน ก็ต้องคอยดูแล เยียวยาแผลใจไปเรื่อย ๆ   นี่ไม่ใช่เรื่องหนัก ๆ เรื่องเดียวและเรื่องสุดท้ายแน่ ๆ ที่ต้องเผชิญ  ก็ต้องค่อย ๆ เรียนรู้ และดูแลกันไปเรื่อย ๆ สักวัน แม่ดาวหวังว่าเขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดที่ดี  สามารถเผชิญปัญหาต่าง ๆ ที่จะต้องเจอได้ด้วยตัวเขาเองอย่างที่ไม่สบักสะบอมมากนัก ถึงเขาจะเจ็บ จะล้มสักกี่ครั้ง  เขาต้องแข็งแรงมากพอที่จะลุกขึ้นสู้ต่อไปได้ เขาต้องเดินไปข้างหน้าด้วยตัวเขาเอง  แค่มีเราเป็นแค่กำลังใจอยู่ข้าง ๆ ไม่ห่างใจ พร้อมที่จะรับฟัง รับรู้ทุก ๆ เรื่องราว และช่วยเสนอแนวทางแก้ไข แต่เขาต้องเป็นผู้ตัดสินใจเลือกทางด้วยตัวเขาเอง