วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

หลักสูตรจัดการความทุกข์เบื้องต้น


            วันนี้แม่ดาวมีคาถาวิเศษ ที่ใช้ทุกครั้งเวลาเจอกับ ความทุกข์ คาถานี้แม่ดาวได้จากการที่แม่ดาวสนใจอ่าน ฟัง และปฏิบัติธรรมะ ก็เพิ่งเริ่มได้ไม่นานหรอกค่ะ  เป็นหลักสูตรการจัดการความทุกข์เบื้องต้น
           
คาถาขจัดทุกข์  ยอมรับ  เรียนรู้ อยู่ปัจจุบัน

            คาถานี้เด็ดมากใช้ได้บ่อย ๆ ยิ่งใช้ยิ่งขลัง แต่ไม่ใช่แค่ท่อง ๆ ตามตัวอักษรแล้วความทุกข์มันจะหายได้นะคะ  มาแม่ดาวจะถ่ายทอดวิธีการใช้คาถานี้ให้ 
            1.  เริ่มจากการที่เราต้องพยายามมีความระลึกรู้ตัวอยู่บ่อย ๆ เท่าที่เราจะสามารถทำได้ นั่นคือหมั่นสังเกตุอาการทางกายและอาการทางใจของเราเสมอ ๆ  รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ตอนนี้ และร่างกายแต่ละส่วนของเรากำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้ หรือที่เรียกว่า การมีสติ นั่นเอง
            2.  ตัดความคิดปรุงแต่งออกซะ เพราะมันจะทำให้เราจมอยู่ในวังวนของความทุกข์
            3.  คิดบวกเสมอ ๆ   
            4.  วิธีการที่จะจัดการกับความทุกข์ด้วยแนวคิดบวก ๆ (ปัญญา)

วิธีที่แม่ดาวใช้ฝึกตลอด ก็คือ ฝึกการมีสติกับการใช้ชีวิตประจำวัน สิ่งที่เราต้องเตรียมไว้เพื่อสร้าง สติ  คือ ความตั้งใจ ความขยัน ความอดทน และความพยายาม   ฝึกแรก ๆ ยากมาก ท้อนะ แต่ไม่ถอย ตอนฝึกแรก ๆ ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจหรอก ที่บอกว่าไม่ต้องไปคิด ให้ใช้กายและจิตไประลึกรู้   พูดง่ายทำยากนะ  งงด้วย  ไม่ให้คิด แล้วไอ้ความคิดกับจิตเนี้ย มันไม่เหมือนกันตรงไหนอ่ะ งง  คุยกับตัวเอง แต่ก็ไม่ได้มานั่งค้นหานะ ว่าภาษาทางธรรมแบบนี้ ความหมายคืออะไร  

พอได้แนวคิดนี้มาก็ลงมือทำเลยทันที เป็นพวกชอบลองวิชา ฮ่า ๆๆ แรก ๆ คิดตลอด เดิน นะ ก้าวเท้าซ้าย ก้าวท้าวขวา มือแกว่งยังไง ฯลฯ เดินแบบต้องคิดเนี้ยยากนะ  ขา 2 ข้างเนี้ยแทบจะทะเลาะกัน เดินยากแฮะ เดินแบบต้องคิด เอ....แต่เขาบอกไม่ให้คิด แล้วไม่คิดจะรู้ได้ไงฟ่ะ บ่น ๆ แบบนี้ เรื่อย ๆ  แต่ก็ไม่หยุดนะ  

ด้วยความที่ตัวเราเบื่อหน่ายความทุกข์มาก ไม่อยากอยู่กับมันนาน อยากทำอะไรก็ได้ให้มันหาย ๆ สักที  แล้วก็เห็นว่ามันดีต่อลูกเราด้วย  มันก็เลยยอมทำตามได้ง่าย อะไรว่าดีทำหมด ไม่ว่าจะสวดมนต์ นั่งสมาธิ อ่านหนังสือธรรมะ  ประกอบกับที่ตัวเองมีความสงสัยคาใจ  ทำแค่นี้ มันจะดีจริง ๆ เหรอ มันจะหายทุกข์ได้เหรอ  ก็ทนทำๆ ๆ  ต่อไป ทำกับทุก ๆ เรื่องในชีวิตประจำวัน ฝึกไปทุก ๆ วันเท่าที่จะพอมีสติ  นานวันเข้า ก็รู้สึกเลยว่าเอ่อ....อันนี้เราไม่ได้คิดเลย จิตมันเข้าไปรู้เอง มันกลายเป็นระบบอัตโนมัติ จากตอนแรกต้องบังคับตัวเองให้คิด   อธิบายให้เข้าใจยากนะ มันต้องลองทำ และทำไปเรื่อย ๆ ทำบ่อย ๆ ทำทุกวัน อย่าหยุด จะเห็นผล  แม่ดาวฝึกการมีสติมาประมาณ 1 ปีนะ  ชีวิตดีขึ้นมาก  เมื่อก่อนทุกข์ง่าย หายยาก  แต่เดี๋ยวนี้ทุกข์ยาก หายง่าย  สุดยอดป่ะหล่ะ  

            พอทำแบบนี้ได้แล้ว คือพอจะมีสติแล้วนะ ปัญญามันจะตามมาเอง  แต่อย่าหยุดฝึกนะ เพราะความทุกข์มันก็จ้องจะเล่นงานเราอยู่เสมอ ๆ อย่าเผลอแล้วกัน เผลอเมื่อไหร่ ทุกข์โผล่ให้เห็นเชียว แม่ดาวเลยต้องมีคาถาประจำตัวไว้ขับไล่ความทุกข์ให้ออกไปจากใจ พอเผลอใจปุ๊ปทุกข์มาเลย อย่างนี้ต้องเจอคาถานี้ ท่องเลย ยอมรับ เรียนรู้ อยู่กับปัจจุบันท่องเรียกสติตัวเอง

เราฝึกมาแล้วท่องแค่ประโยคนี้เรียกกำลังสติกลับมาได้มากเลย หรือใครชอบร้องเพลงร้องเพลงก็ได้ ร้องเพลงเรียกสติตัวเอง มี 2 เพลงที่แม่ดาวชอบมาก คือ live and lern ของกมลา สุโกศล และก้อนหินก้อนนั้น ของโรส ศิรินทร์ทิพย์ แต่เพลงแรกจะเรียกสติได้ดีกว่า หากอารมณ์นั้นแม่ดาวแบบไม่ไหวแล้วไม่มีอารมณ์จะร้องเพลงก็เปิดฟังเอาต้องเป็นต้นฉบับด้วยนะคนอื่นแม่ดาวไม่อิน เป็นเพลงปลุก สติ ประจำตัว เดี๋ยวนี้...แม่ดาวแค่ท่องคาถามันก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น เมื่อก่อนต้องมีเสียงเพลงและดนตรีประกอบด้วย  แม่ดาวเนี้ยล่อหลอกลูกเก่ง แล้วยังล่อหลอกตัวเองเก่งด้วยนะ ฮ่าๆๆ

เอาสัก 1 ตัวอย่าง ที่พ่อแม่หลายท่านอาจจะเจอ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงนะ เพื่อจะได้เห็นภาพเข้าใจง่ายขึ้น

เช้านี้เรามีนัดประชุมตอนเช้ากับลูกค้า แล้วเราต้องไปส่งลูกที่โรงเรียนก่อนด้วย อีกทั้งเช้านี้ลูกเราก็งอแงร้องไห้ประท้วงไม่ยอมไปโรงเรียน
การระลึกรู้ เรารู้สึกโมโหลูก (เพราะเราต้องรีบไปประชุมแล้วลูกงอแง) เราพูดตะคอกใส่ลูกเสียงดังมาก ลูกกลัวและร้องไห้หนักกว่าเดิม
ความคิดปรุงแต่งที่อาจเกิด  ทำไมลูกต้องมางอแงในเช้าวันนี้ด้วย ยิ่งรีบ ๆ อยู่ แล้วจะไปประชุมทันไหมเนี้ย ลูกค้าคนนี้สำคัญมาก หากผิดนัดเจ้านายด่าเราแน่ 
คิดบวก  ลูกอาจไม่สบายเลยงอแงแบบนี้  
วิธีการบวก ๆ คือ หากเพิ่งฝึกจะยังคิดอะไรบวก ๆ ไม่ออกค่ะ แม่ดาวจะอาศัยจำมาแล้วพูดไป ไม่ได้คิดเอง คิดไม่ออก  หรือจัดการตามที่พอจะคิดได้ที่บวกที่สุด เช่น อุ้มลูกขึ้นรถไปทั้งน้ำตา และเอาชุดไปให้ครูเปลี่ยนให้ที่โรงเรียน แต่คุณก็ต้องทนรับนะคะว่ามันต้องเครียดแน่ ๆ หากเป็นแบบนั้น 
หากเป็นแนวคิดบวก คือ นั่งลง กอดลูก มองตาลูก และขอโทษที่แม่ตะคอกใส่ ทำให้ลูกต้องเสียใจกว่าเดิม และบอกลูกว่าวันนี้แม่มีนัดประชุมสำคัญมาก หากไปไม่ทันแม่จะโดนเจ้านายดุ แม่คงเสียใจมาก แม่อยากให้ลูกทานข้าว แต่งตัว เพื่อไปโรงเรียน ลูกจะแต่งตอนนี้ หรืออีก 3 นาทีค่ะ แล้วเราจะได้ไปพร้อมกัน  
พูดแบบนี้ถึงในใจเราจะโกรธลูกมากอยู่ เครียดอยู่ ก็เห็นผลได้นะคะ แค่มันอาจไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ต้องกดอารมณ์ไว้ก่อน กัดฟันพูดไป และบังคับเสียงให้ไม่สูง คือธรรมชาติที่สุดเท่าที่จะทำได้  ดีที่สุดคือการกระทำที่ออกมาจากใจบวก ๆ จริง ๆ มันก็เห็นผลเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แหละ จากที่แม่ดาวเคยทำนะ

ฝึกการมีสติ ฝึกทุกวัน ทุกเวลา ทุกชั่วโมง ทุกนาที ทุกวินาทีตามลำดับ พอทำได้ใจจะโล่ง สมองจะโปร่งคิดอะไรออกง่าย จัดการทุกข์ได้ง่ายขึ้น แต่อันนี้หลักสูตรเบื้องต้นนะคะ อย่าลืมว่าเรายังมีหลักสูตรต่อไปอีก อิอิ 

ก็อยากจะย้ำ บ่อย ๆ นะ ว่าพวกนี้แม่ดาวก็ศึกษามาแบบนิดหน่อย แต่ปฏิบัติเยอะ ไม่ได้เก่งอะไรมากทุกวันแม่ดาวก็ยังเจอกับความทุกข์ จัดการได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เรื่องที่ยังจัดการไม่ได้ก็วางไว้ก่อน ปล่อยผ่านไป พอคิดออกค่อยกลับมาลองทำใหม่ หากยังไม่ได้ก็ทำเหมือนเดิม วางไว้ ให้ใจเย็น คิดเป็นแล้วค่อยคิด 

แม่ดาวจะเอาใจช่วยทุก ๆ คนนะคะ ให้บอกตัวเองว่า "เราต้องทำได้ และเราต้องทำเลย" เพื่อลูก เพื่อเรา เพื่อครอบครัว อย่ามัวแต่คิด ๆ แล้วมักไม่ค่อยจะได้ทำ เคยดูโฆษณาไหม "ทำไมต้องรอ" ลองไปหาดูนะคะ แม่ดาวชอบแนวคิวโฆษณาตัวนี้มาก ๆ จนจำไม่ได้ว่ามันคือโฆษณาอะไร สนใจแค่สโลแกน 5555
 


2 ความคิดเห็น:

  1. หากใครอ่านแล้ว ไม่เข้าใจ คิดว่าแม่ดาวเขียนอ่านยาก รบกวนแจ้งด้วยนะคะ แม่ดาวจะได้ปรับปรุงข้อความ ในบทความต่อ ๆ ไป ให้อ่านเข้าใจมากขึ้น

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณที่ทำ blog ดีๆแบบนี้นะคะ พี่ก็มีลูก ตอนนี้ 10 ขวบแล้ว เคยผ่านประสบการณ์ล้ำค่ามากมายจากการเลี้ยงลูก รู้เลยว่ามันละเอียดอ่อน มีทั้งสุข เศร้า เคล้าน้ำตาขนาดไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีพันธะสัญญาอย่างแม่ดาว สัมผัสได้ถึงความรัก ความตั้งใจ และความปรารถนาดีของแม่ดาวค่ะ อยากให้พ่อแม่ทั้งหลายมีแนวคิดแบบนี้กันมากๆ เด็กๆจะได้อบอุ่นมีความสุข ครอบครัวดี สังคมก็ดี โลกทั้งใบก็จะดีตาม เป็นกำลังใจให้นะคะ

    ขออนุญาติแนะนำหนังสืออีกเล่มที่ดีมากๆนะคะ แต่เป็นภาษาอังกฤษ Raising Our Children, Raising Ourselves: Transforming parent-child relationships from reaction and struggle to freedom, power and joy [Paperback]
    Naomi Aldort (Author)

    ว่างๆก็ไปเยี่ยมที่ blog พี่ได้นะคะ ส่วนใหญ่มีแต่เรื่องพาลูกเที่ยว อิอิ
    www.1-2-smile.blogspot.com

    ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
    แม่พิณ

    ตอบลบ