วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

จุดมุ่งหมายเดียวกัน แต่วิธีการแตกต่างกัน

แม่ดาวกับสามี มีจุดมุ่งหมาย เป้าหมายในการเลี้ยงลูกเหมือนกัน คือ ต้องการให้ลูกเป็นคนดีมีความสุข สุขด้วยกันทั้งครอบครัวเรา และสุขด้วยกันทั้งโลก (เป็นคนดีไม่ก่อมลพิษให้สังคม)

สิ่งที่เหมือนกันอีกอย่างคือ เรามีความรัก ความห่วงใย และปรารถนาดีต่อลูก โดยเราจะใช้เหตุผลในการเลี้ยงลูก ไม่ใช้อารมณ์(ถ้าเอาอยู่นะ)

แต่สิ่งที่ต่างกันมากๆ ราวสวรรค์กับนรก คือ หนทางที่จะเดินไป(วิธีการและแนวความคิด)

แม่ดาว เลี้ยงลูกโดยใช้หลักแนวคิดบวกตั้งแต่แรกเริ่ม (อายุลูก 0-3 ปี)แต่วิธีการแรก ๆ เนี้ยคิดเองบ้าง อ่านเจอจากตำรามาบ้าง อ่านในเว็บบ้าง ฟังเขาเล่ามาบ้าง เอาทุกอย่างมายำรวมมิตรคิดสูตรออกมาเอง(เป็นวิธีปฏิบัติที่นำมาใช้ ณ ตอนนั้น ) ต่อมาตาเริ่มสว่างเห็นทางเพราะมีเข็มทิศที่เชื่อถือได้อย่างมากมาใช้ และมีครูดี 2 ท่านเป็นผู้ที่ให้คำแนะนำ ปรึกษา ให้กำลังใจ ณ ช่วงที่กำลังจะหมดแรงก้าวเดิน บุคคลทั้ง 2 ท่านนั้นคือ ครูใหม่และครูหม่อม
(ดร.ปิยวลี และอ.ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร) ซึ่งเป็นครูที่แม่ดาวศรัทธา รักและเคารพมากอย่างยิ่ง

สามี เริ่มแรกอยากเลี้ยงลูกด้วยแนวคิดแบบที่คนส่วนใหญ่ใหญ่ในประเทศของเราใช้กัน คือ ออกจะเป็นแนวลบซะมาก คิดว่า เด็กดีได้ ต้องสั่งสอน ต้องดุ ต้องตี เพราะเด็กก็คือคนที่อ่อนต่อโลกเขายังไม่มีความคิดและประสบการณ์มากพอที่จะตัดสินใจอะไร ๆ ด้วยตัวเขาเองได้ ต้องได้รับการสั่งสอน อบรม บ่มนิสัย อย่างเข้มงวด จากเราผู้เป็นพ่อแม่ (แม่ดาวตีความเองตามความรู้สึกนะ) ต่อมาก็เริ่มเปลี่ยนความคิดไปพอสมควรหลังจากที่ แม่ดาวชวนไปเข้าอบรม 101 สร้างวินัยเชิงบวก และเห็นผลลัพท์จากการเลี้ยงดูของแม่ดาว แต่ปัจจุบันก็ยังคาใจ สงสัยในหลักการเลี้ยงลูกแบบแม่ดาวอยู่ดี ว่ามันจะดีต่อลูกจริงไหม

ล่าสุดก็ออกอาการนอยน้อยใจลูก เนื่องจากตัวเองไม่สามารถสื่อสารเพื่อเปลี่ยนอารมณ์หรือพฤติกรรมของลูกได้ จนพูดออกมาอีกครั้ง(เคยพูดมาแล้ว 2 ครั้งถ้าจำไม่ผิดนะ) ประมาณว่า ถ้าแม่ดาวตายไป ใครจะพูดกับลูกรู้เรื่อง เหอๆๆๆ แม่ดาวก็พูดภาษาคนนะ ภาษาไทยนี่แหละ ถ้าจะให้แม่ดาวพูดภาษาอังกฤษนี่ซิไม่รู้เรื่องแน่ ๆ เอิ้กๆๆ แต่แม่ดาวพูดด้วยภาษากายและภาษาใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักแบบไม่ทำร้ายหัวใจลูกก็แค่นั้น สามีทำไม่ได้ก็เลยอิจฉา(ความแม่ดาวคิดเองนะ) หงุดหงิด โมโหใส่แม่ดาวบ่อย ๆ ไม่ค่อยจะยอมรับความจริงด้วยนะ (นินทากันผ่านสื่อ)

ที่เล่ามาทั้งหมดเนี้ยก็เพราะอยากให้เห็นภาพ และนึกถึงสภาพความรู้สึกของแม่ดาวออกว่ามันยากขนาดไหนที่จะต้องพยายามเลี้ยงลูกให้ดี อย่างที่มีมารมาอยู่ข้างกายแบบนี้ ฮ่าๆๆๆ ยากนะ อึดอัก ทุกข์เยอะ แต่ต้องยอมรับและก้าวต่อไป อยู่กับปัจจุบันให้ได้มากที่สุด ต้องหาแรงขับเคลื่อนพลังชีวิตให้มีแรงก้าวเดินต่อไปให้ถึงจุดหมาย มองหาจากสิ่งใกล้ ๆ รอบ ๆ ตัวนี่แหละ มีอยู่มากมายเลย หลัก ๆ คือ ลูก สวดมนต์ นั่งสมาธิ ขอจากคนรอบ ๆ กายอันน้อยนิดที่เข้าใจเรา หนังสือ เว็บ แต่ละวันหากพลังในตัวใกล้หมด ก็จะต้องหลบพักชาร์ตพลังก่อน เช่น อ่านคำคมดี ๆ เด็ด ๆ โดน ๆ ในเว็บ ฟังเทศน์ อ่านหนังสือธรรมะ ฯลฯ อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นพลังบวกสรรหามาสุมใส่ตัวเราให้หมด ข้อย้ำพลังบวกนะ อย่าผิดขั้ว หากซี่ซั้วเห็นผิดชีวิตจะบรรลัย อิอิ

หากไม่รู้จักกันอ่านแล้วอาจนึกภาพแม่ดาวเป็นนางฟ้าแสนสวยผู้สุดแสนประเสริฐ ที่จริงแล้ว แม่ดาวก็คนธรรมดา ๆ ที่เห็นได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปนี่แหละ (อันที่จริงชอบเดินตลาดนัดนะ) ที่มีอารมณ์ กิเลศ (สิ่งที่แฝงในใจทำให้ใจเราขุ่นมัว) ตัณหา(ความติดใจอยาก ความยินดี ยินร้ายต่อสิ่งยั่วย) แค่พยายามจะควบคุม ลด ละ และพยายามจะเลิกในสิ่งที่ไม่ดีให้ได้ก็แค่นั้น ส่วนสิ่งที่ดีก็ยังยึดติดอยู่นะ เลิกยากมาก




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น